ถามเข้ามากันเยอะว่า เครื่องสำรองไฟ UPS กับ เครื่องปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ AVR Stabilizer ต่างยังตรงไหน หลักๆต่างกันที AVR ไม่สามารถสำรองไฟได้ แต่ AVR สามารถปรับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่ได้ดีกว่า ใช้ได้กับทุกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์
เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้เครื่องไฟฟ้ามากขึ้นและบางเครื่องมีราคาแพง ทำให้หลายคนต้องมาหาอุปกรณ์หรือเครื่องสักอย่างที่จะมาป้องกันเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อเกิดไฟกระชาก, ไฟตก, ไฟเกินและไฟดับ เพราะส่วนใหญ่แล้วเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียก็จะเกิดจากปัญหาดังเหล่าแหละ และ 2 อย่างที่เป็นที่นิยมในการเลือกใช้ได้แก่ AVR หรือ Stabilizer และ เครื่องสำรองไฟ UPS
ในบทความนี้จะพูดถึงความแตกต่างและความเหมือนกันระหว่างเครื่องปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ AVR (Automatic Voltage Regulator) กับเครื่องสำรองไฟ UPS (Uninterruptible Power Supply) จะเป็ยบังไงนั้นตามกันเลย
รูปที่ 1 เครื่องสำรองไฟ UPS APC by Schneider Electric รุ่น BV650I-MS 650VA/375Watt
รูปที่ 2 เครื่องปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ AVR Schneider Electric รุ่น LS600S-TH 600VA/300Watt
ความแตกต่างระหว่าง UPS กับ AVR/Stabilzer
คุณสมบัติ | เครื่องปรับแรงไฟฟ้าอัตโนมัติ AVR | เครื่องสำรองไฟ UPS |
ปรับแรงดังไฟฟ้าให้คงที่ | ทำได้ดี | ทำได้ |
สำรองไฟ | ทำไม่ได้ | ทำได้ |
ช่วงแรงดันไฟฟ้า Input | กว้างกว่า | กว้างน้อยกว่า |
น้ำหนัก | น้อยกว่า | หนักกว่า |
ราคา | ถูกกว่า | แพงกว่า |
เหมาะกับเครื่องใช้ไฟฟ้า | อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดที่ราคาแพง | ที่ยังต้องทำงานได้ต่ออีกเมื่อไฟดับ |
เครื่องสำรองไฟ UPS รุ่นล่าง ๆ ระบบจะเป็น Line Interactive (AVR) ซึ่งหมายความว่าจะมีเครื่องปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติอยู่ในตัวด้วย และยังสามารถสำรองไฟได้ด้วย ส่วน AVR หรือ Stabilizer ชื่อทางการคือ “เครื่องปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ” จะปรับแรงดันให้เหมาะสมอย่างเดียว ไม่มีหน้าที่สำรองไฟ
จุดที่เหมือนกันคือสามารถปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติได้ทั้งคู่ จุดที่ต่างกัน UPS สำรองไฟได้ แต่ AVR สำหรองไฟไม่ได้ แต่ในเรื่องของการปรับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่นั้นตัว AVR จะทำได้ดีดว่า UPS และมีช่วงแรงดันไฟฟ้าขาเข้า (Input) ที่กว้างกว่า ส่วนในเรื่องของราคานั้น AVR จะถูกกว่า UPS
ในเรื่องของการนำไปใช้งานนั้น UPS จะเหมาะกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการความเสถียรภาพสูงในการใช้งาน ถึงแม้เมื่อเกิดไฟดับแล้วก็ยังสามารถทำงานได้ปกติต่อไปเป็นเวลามากพอที่เก็บข้อมูลหรือแข้ไกปัญหาที่เกิดได้ทัน เช่น คอมพิวเตอร์, กล้องวงจรปิด (CCTV) และ เครืองช่วยหายใจ เป็นต้น ส่วน AVR นั้นเหมาะกับทุกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ยิ่งเครื่องที่ราคาแพง เช่น Smart TV, เครื่องเสียง, เครื่องมือวิทยาศาสตร์, เครื่องถ่ายเอกสาร และอื่นๆ
เป็นยังไงกันบ้างครับกับบทความนี้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่กำลังเลือกซื้อระหว่าง UPS กับ AVR ว่าจะซื้อตัวไหนดี ไม่มากก็น้อย หากท่านสนใจอ่านข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาที่ แหล่งรวมข้อมูล เครื่องปรับแรงดันไฟฟ้า อัตโนมัติ AVR Stabilizer หรือกำลังมองหาสินค้ากลุ่ม AVR Stabilizer ก็สามารถเข้าไปดูสินค้าและเลือกซื้อแบบออนไลน์ได้ทั้งเว็บไซต์ Factomart โดยตรงหรือร้าน Factomart ใน Lazada และ Shopee ได้ตามสะดวกเลย หากเลือกไม่ถูกว่าจะใช้แบบไหนดี ปรึกษาทีมงาน Technical Engineer เราได้ทุกช่องทางครับ