การเลือก Energy Meter ให้โดนใจทุกการใช้งาน

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน Factomart.com ขอต้อนรับท่านผู้อ่านเข้าสู่บทความที่จะมาแนะนำถึง วิธีการเลือกใช้งาน Energy Meter ให้ได้ตามความต้องการ และมีประสิทธิภาพในการใช้งานนะครับ ซึ่งทางเราได้รวบรวมข้อคำนึงต่างๆ ที่ท่านผู้อ่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้ ในการพิจารณาก่อนการเลือกใช้จริงได้

คุณสามารถเข้าไปอ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ ศูนย์รวมข้อมูลเกี่ยวกับ Energy Meter ในหน้านี้จะรวมรวบบทความที่น่าสนใจไว้มากมาย โดยบทความทั้งหมดคุณสามารถเข้าไปอ่านได้เลย และสามารถดาวน์โหลดเนื้อหาทั้งหมดในรูปแบบไฟล์ PDF ได้ฟรีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีหน้าแคตตาล็อกสินค้าให้คุณเข้าไปดาวน์โหลดฟรี เพื่อใช้หารุ่นที่คุณต้องการได้ง่ายขึ้น

Energy Meter มีวิธีเลือก เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ

ปัจจัยต่างๆที่ท่านสามารถเอาไว้พิจารณาก่อนการเลือกใช้ Energy Meter เพื่อให้ได้ตามความต้องการมีดังนี้

ซอฟท์ที่ดีควรบันทึกข้อมูลในคอมพิวเตอร์ หรือฐานข้อมูลได้

Energy Meter ควรมีระบบซอฟท์แวร์ที่สามารถเก็บบันทึกข้อมูลในคอมพิวเตอร์หรือฐานข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ระบบไฟฟ้าได้ ซึ่งขึ้นกับซอฟท์แวร์ของแต่ละระบบ

สามารถวัดค่าต่างๆได้ อย่างหลากหลาย

ค่าพื้นฐานทางไฟฟ้าที่ Energy Meter ควรจะวัดได้ตามตารางที่แสดงด้านล่าง

จากตารางข้างต้น หากผู้ใช้ต้องการวัดค่าฮาร์มอนิกแบบแยกลำดับ ควรจะใช้รุ่นเฉพาะที่มีฟังก์ชั่นวัดค่าฮาร์มอนิกได้ (PF & harmonic) โดยทั่วไปลำดับของฮาร์มอนิกที่ใช้กันจะมีแบบ THD และ 31 ลำดับเป็นต้น เนื่องจากผู้ใช้งานอาจจะพบเจอปัญหาที่มักจะหาสาเหตุไม่ได้ เช่น ตู้ CAP Bank มักจะระเบิดบ่อยๆ หรือ เครื่องจักรบางตัวมักจะเสียโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้น เพราะฉะนั้นควรจะติดตั้งมิเตอร์ที่สามารถวัดค่าฮาร์มอนิก เพื่อนำมาประกอบในการวิเคราะห์ด้วย

มิเตอร์ควรสามารถเก็บบันทึกค่า Min, Max, Average หรือ Demand ได้

มิเตอร์ควรสามารถเก็บบันทึกค่า Min, Max, Average หรือ Demand ได้ และสามารถเก็บบันทึกข้อมูลค่ากิโลวัตต์ แล้วนำไป Plot กราฟแสดงที่มิเตอร์ได้

ควรเลือกจาก Accuracy ที่สูงๆ

ควรเลือกจาก Accuracy ที่สูงๆ เพื่อลดเปอร์เซ็นความผิดพลาดในการอ่านค่าทางไฟฟ้าต่างๆ โดยเฉพาะ ค่า Active Power ควรเลือกที่ Class 0.5s เพราะเป็น Class ที่มีความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุดแล้วในมิเตอร์ปัจจุบันนี้

วัดได้ทั้งระบบ Low, Medium และ High

ควรเลือกมิเตอร์ที่สามารถวัดได้ทั้งระบบ Low Voltage , ระบบ Medium Volt และ ระบบ High Volt

ควรเลือกมิเตอร์ที่สามารถวัด ฮาร์มอนิกแบบ THD

ควรเลือกมิเตอร์ที่สามารถวัด ฮาร์มอนิกแบบ THD หรือ แบบแยกลำดับ (31 ลำดับ, 63 ลำดับ)

ตัวอย่างการแสดงผล

Option เสริมเติมประสิทธิภาพได้

มิเตอร์ควรมี Option เสริมให้เลือกหลากหลาย เช่น การรับ input เข้ามาอ่านค่าในมิเตอร์หรือการส่ง output ออกไปแสดงผลข้างนอกได้

ย่านแรงดัน Supply

ควรเลือกมิเตอร์ที่มี ย่านแรงดัน Supply ให้ครอบคลุมทั้ง Single phase และ Three phase เพราะบางสถานที่ไม่มีนิวตรอน จำเป็นต้องใช้มิเตอร์ที่สามารถรับไฟ line to line เท่านั้น เช่น 90 – 484 Vacเป็นต้น

หน้าจออ่ายง่ายเห็นตัวเลขชัดเจน

สิ่งที่เราคาดหวังจากมิเตอร์เลยก็คือ การวัดค่าให้ตรงกับค่าจริงมากที่สุด โดยหน้าจอแสดงผลของมิเตอร์บางยีห้อนั้นเป็น 7-segment ซึ่งปัญหาที่ทุกคนมักจะพบเลยคือ LED ขาดทำให้ค่าที่เราอ่านมีความคาดเคลื่อนเกิดขึ้น เช่น จากเลข 8 เป็น เลข 0 หรือ เลข 6 เป็นเลข 3 หรือแม้กระทั้งตัวหนังสือเป็นภาษาต่างดาว อ่านยาก เป็นต้น

จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทุกๆคนหันมาใช้หน้าจอแบบ Graphic LCD เพราะหน้าจอแสดงผลนั้นจะเป็นคำศัพท์ที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ทำให้อ่านค่าได้แม่นยำ และมีความหลากหลายในการแสดงผล เช่น ดูกราฟคุณภาพของไฟฟ้า หรือดูเป็นกราฟแท่งแยกแต่ละลำดับของฮาร์มอนิกส์ในระบบ และควรมีโหมด Saving Energy ถนอมหน้าจอด้วยเพื่อยืดอายุการใช้งานของหน้าจอ

ช่องทางการส่งข้อมูลระหว่างมิเตอร์และซอฟท์แวร์

โดยการใช้งานจริงเราสามารถสั่งการทำงานจากซอฟท์แวร์ไปยังมิเตอร์ได้ หรือ แม้กระทั่งสามารถติดตามข้อมูลของมิเตอร์ในขณะที่กำลังทำงาน หรือ เก็บข้อมูลย้อนหลังก็สามารถทำได้

โดยหัวใจหลักที่จะทำให้กระบวนการทำงานเหล่านี้เป็นไปได้ก็ คือ Protocal ของมิเตอร์ และ ซอฟท์แวร์ นั้น จะต้องเป็นประเภทเดียวกัน เช่น ModBus Protocal, ProfiBus, เป็นต้น [รูปภาพตัวอย่างสาย Lan, RS485, wifi, sim card]

ตัวอย่างอุปกรณ์ช่องทางการส่งข้อมูลระหว่าง มิเตอร์ และ ซอฟท์แวร์

ประเภทของช่องทางการสื่อสารระหว่างมิเตอร์และซอฟท์แวร์

  • Serial Port : เหมาะสำหรับโรงงานที่มีต้นทุนต่ำ แต่ต้องการความเสถียรภาพ และความเร็วในการส่งข้อมูลอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ ควรใช้สายส่งข้อมูลดังนี้

    • RS232 : ลักษณะการติดตั้ง คือ เป็นแบบ 1 ต่อ 1 ระยะสายควรจะไม่เกิน 100 เมตร

    • RS485 : ลักษณะการติดตั้ง ควรติดตั้งแบบ Multi drop ใน 1 Loop  ควรมีมิเตอร์ 25-31 ตัว หรือ ระยะสายไม่ควรเกิน 1250 เมตร

  • Eternet : เหมาะสำหรับโรงงานที่มีวง Lan เป็นของตัวเองอยู่แล้ว เนื่องจากราคาของสายแลนค่อนข้างแพงแต่เสถียรภาพของการส่งข้อมูลและความเร็วในการส่งข้อมูลดีกว่า RS232 และ RS485 ลักษณะการติดตั้งเป็นแบบ 1 ต่อ 1 และระยะสายไม่ควรเกิน 100 เมตร

  • WIFI : เหมาะสำหรับโรงงานที่มีต้นทุนสูง และไม่สะดวกที่จะเดินสายไฟ แนะนำให้มีส่งข้อมูลผ่าน WIFI ลักษณะการติดตั้ง

  • Sim Card 

มี Reference

ควรเลือกซื้อมิเตอร์ที่มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือที่เป็นที่รู้จักหรือใช้ ตามโครงการใหญ่ๆ เพราะเราคงไม่อยากจะซื้อที่ราคาถูกแต่ใช้ได้ไม่นานก็พังและต้องทำการซื้อ เปลี่ยนใหม่บ่อยๆ

ความน่าเชื่อถือจากแหล่งซื้อ

และที่สำคัญที่สุดคือควรเลือกซื้อกับตัวแทนจำหน่ายที่มีความเชี่ยวชาญด้าน มิเตอร์ เพราะหลังจากซื้อไปแล้วถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมาเราก็ต้องการคนที่มีความรู้เข้า มาทำการแก้ไขปัญหาให้โดยเร็ว

จากข้อแนะนำต่างๆเหล่านี้ คงจะเป็นการเพิ่มแนวทางที่ดี ที่จะสามารถช่วยให้ท่านผู้อ่านมีข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณาในการเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมตามความต้องการของท่านได้นะครับ และ ถ้าหากท่านผู้อ่านยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ท่านสามารถส่งข้อความสอบถามไว้ที่กล่องแสดงความคิดเห็นที่อยู่ด้านล่างบทความนี้ได้ หรือ จะโทรสอบถามทางเราก็ยินดีที่จะให้บริการนะครับ

จากข้อแนะนำต่างๆเหล่านี้ คงจะเป็นการเพิ่มแนวทางที่ดี ที่จะสามารถช่วยให้ท่านผู้อ่านมีข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณาในการเลือกใช้ กลุ่มสินค้าของ Energy Meter ได้อย่างเหมาะสม ตามความต้องการของท่านได้นะครับ และ ถ้าหากท่านผู้อ่านยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติมว่า Energy Meter คืออะไร? ท่านสามารถส่งข้อความสอบถามไว้ที่กล่องแสดงความคิดเห็นที่อยู่ด้านล่างบทความนี้ได้ หรือ จะโทรสอบถามทางเราก็ยินดีที่จะให้บริการนะครับ Factomart.com เรายินดีให้บริการครับ

หากคุณสนใจสินค้า สามารถเข้าไป ดูและเลือกซื้อ Energy Meters ได้ที่หน้าเว็บออนไลน์ของเรา มีสินค้าหากหลายรุ่น จากแบรนด์ดังให้เลือกมากมาย ถ้าคุณมีข้อสงสัยหรืออยากสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า สามารถแชทมาหาเราได้ทันทีจากช่องแชทด้านล่างขวามือ หรือส่งเมลล์มาที่ [email protected] หรือผ่าน Line ที่ @factomart และเบอร์โทร 021-050-567 ได้หลากหลายช่องทาง มีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำตลอดเวลาทำการ

Facebook Comments