IIoT vs วิธีดั้งเดิม ตอนที่ 2 – Collect & Store รวบรวมและเก็บเข้าฐานข้อมูล

IIoT Vs วิธีดั้งเดิม ตอนที่ 2

Share this post

บทความนี้เป็นบทความที่ 2 ของ “ระบบ IIoT มันดีจริงเหรอ?” มีทั้งหมดอยู่ 4 บทด้วยกัน

ในบทที่แล้วได้เปรียบเทียบว่าระบบที่ใช้เทคโนโลยี IIoT และที่ใช้เทคโนโลยีแบบดั้งเดิมนั้นจำเป็นต้องจับข้อมูลและมอนิเตอร์ด้วยอุปกรณ์คล้ายๆกัน

ขั้นตอนที่ 2 - Collect & Store รวบรวมและเก็บเข้าฐานข้อมูล

หลังจากที่คุณตรวจจับและเฝ้ามอนิเตอร์ดูข้อมูลคุณจะมีความต้องการที่จะรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลต่างๆที่มาจากแต่ละระบบของคุณเข้าโรงฐานข้อมูลเพื่อให้วิศวกรและ Data Analyst วิเคราะห์

ในการเปรียบเทียบระหว่างระบบดั้งเดิมและ IIoT เราจะไล่ทีละองค์ประกอบของการรวบรวม Collect และเก็บ Store ข้อมูลเข้าฐานข้อมูล

องค์ประกอบของการรวบรวม Collect และเก็บ Store ข้อมูลเข้าฐานข้อมูลมีอยู่ 4 อย่าง:
  1. Communication
  2. Network
  3. System Security
  4. Server & Database
Collect and store data cover image

Communication โปรโตคอลการสื่อสาร

ในระบบดั้งเดิมนั้นจะใช้เป็น Fieldbus protocol อาทิเช่น Modbus TCP/RTU, Profibus/Profinet, CANopen, DeviceNet ฯลฯ ในการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์อุตสาหกรรมไปจนถึงตัวเซิฟเวอร์ ในขณะที่โปรโตคอลที่ใช้สำหรับ Industrial IoT ต้องใช้โปรโตคอลจำเพาะของระบบ IoT

แล้วอะไรล่ะคือโปรโตคอลจำเพาะของระบบ IoT?

คุณอาจจะถามว่า “แล้วอะไรล่ะคือโปรโตคอลจำเพาะของระบบ IoT?” มันเป็นสิ่งที่ไม่ได้มีคำนิยามอยู่ชัดเจนแต่ทว่า โปรโตคอลที่นิยมใช้ที่สุดสำหรับระบบไอโอทีในอุตสาหกรรมนั้นคือ MQTT แต่ก็ยังมีอีกหลายคนอาทิเช่น CoAp, AMQP, หรือแม้แต่ OPC UA. ตามหลักนั้นอะไรก็ตามที่สามารถเชื่อมต่อโดยที่มี IP Address ก็สามารถเรียกว่าเป็นโปรโตคอลของระบบ IoTได้

แล้วอะไรเป็นโปรโตคอลที่ดีสำหรับระบบ Industrial IoT?

แต่ถ้าคุณถามผมว่าโปรโตคอล IoT อันไหนเป็นโปรโตคอลที่ดีและเหมาะสมในการใช้ในงานอุตสาหกรรม ผมจะบอกคุณว่ามันควรที่จะมีองค์ประกอบอยู่ 5 อย่างด้วยกัน

  1. Specification – มีรูปแบบที่ตายตัวในการส่งข้อมูล
  2. Flexible – ส่งข้อมูลได้หลายรูปแบบ (text, video, voice, images)
  3. Report by Exception ส่งข้อมูลตอนที่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เป็นการถามตอบ
  4. Stateful – รู้ว่ามีอะไรเชื่อมต่อกันอยู่บ้างและสถานะของการเชื่อมต่อ
  5. Lightweight –  Payload หรือข้อมูลที่ส่งเล็กกะทัดรัด

แต่สิ่งที่ผมพูดนี้เป็นรูปแบบของทฤษฎี เอาเป็นว่าง่ายๆ MQTT นั้นดีที่สุดเพราะว่าตอบโจทย์ทั้ง 5 อย่างนี้ ป็นโปรโตคอลที่นิยมที่สุดและอุปกรณ์ Industrial IoT สื่อสารด้วยโปรโตคอลนี้เยอะที่สุด

แปลงสัญญาณจากโปรโตคอลอุตสาหกรรมเข้าเป็น MQTT ได้อย่างไร?

ถ้าจะให้เลือกใช้อันใดอันหนึ่งผมคงไม่เลือกโปรโตคอลอื่นนอกจาก MQTT

ในขณะที่การแปลงจาก MQTT ไม่ใช่เป็นเรื่องยากคุณแค่ต้องใช้ Industrial IoT Gateway เพื่อมาทำฟังก์ชันนี้ เหมือนกับการแปลง protocol อื่นๆเพียงแค่อาจจะเป็น protocol ใหม่สำหรับ automation engineer เท่านั้นเอง

ผลการเปรียบเทียบ Collect & Store – Communication โปรโตคอลการสื่อสาร: เสมอ

Network ระบบเน็ตเวิร์ค

ระหว่างจุดที่จับข้อมูลและจุดที่บันทึกข้อมูล สภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมนั้น ความร้อน (โดยเฉพาะที่สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส) สัญญาณรบกวนของสนามแม่เหล็กที่มาจากอุปกรณ์อุตสาหกรรม และระยะเดินสายที่ไกล (มากกว่า 300 เมตร) เป็นปัญหาหลักที่มักจะพบในการติดตั้งระบบเน็ตเวิร์ค และเป็นจุดหลักที่ต้องใช้ค่าใช้จ่าย

IIoT การต่อเข้า Internet เป็นการต่อแบบกระจาย (Distributed Connection)

ระบบ IIoT นั้นได้เปรียบในเรื่องเน็ตเวิร์คเพราะจุดที่เราต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตสามารถกระจายอยู่ทั่วไซต์งาน สามารถอยู่ใกล้หรือตรงที่เราจับข้อมูลนั้นได้เลย

การเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตในระบบไอโอทีสำหรับอุตสาหกรรมนั้นไม่ได้ทำที่จุดๆเดียวแต่จะทำในหลายๆจุดใกล้ๆกับจุดที่เราจับข้อมูลด้วยตัวมิเตอร์หรือเซ็นเซอร์ ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ช่วยให้ค่าใช้จ่ายของการลากเน็ตเวิร์คในไซต์งานลดลงไปมาก แต่ละจุดสามารถใช้ตัวเซลลูล่าเกตเวย์ที่ใช้ซิมการ์ดกับสัญญาณมือถือต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตได้

ในประสบการณ์ของเรา ระบบที่ใช้เทคโนโลยี IIoT นั้นจะมีค่าใช้จ่ายของเน็ตเวิร์ค ต่ำกว่าระบบดั้งเดิมประมาณ 15 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์

ระบบเน็ตเวิร์คของ IIoT ประหยัดค่าใช้จ่ายที่ตรงไหน?

ค่าใช้จ่ายที่ลดลงไปนั้นมาจากการลดลงของจำนวน wireway สายไฟเบอร์ออฟติก และแรงงานที่ใช้ในการติดตั้งวายเวย์ ค่าใช้จ่ายในการเช่ารถยกคนหรือใช้นั่งร้าน การ spike และทดสอบเทสสาย Fiber Optic หลังจากติดตั้ง ลดการขัดจังหวะของการทำงานในโรงงานที่มาจากการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานของระบบเน็ตเวิร์คอีกด้วย

แล้วค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาในการต่อเข้าอินเตอร์เน็ตล่ะ?

ระบบไอโอทีในอุตสาหกรรมนั้นต้องมีค่าใช้จ่ายของการต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต แต่ค่าใช้จ่ายนี้น้อยกว่าการลากเน็ตเวิร์คแบบเต็มรูปแบบมาก Cellular gateway ที่เอาไว้ใส่ซิมการ์ด และค่าเช่าใช้อินเทอร์เน็ตรายเดือนนั้นน้อยกว่า 300 บาทต่อเดือนหรืออาจจะขอให้องค์กรที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตอาทิเช่น AIS, True,และ 3-BB ติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ตให้ใหม่และลากสายไฟเบอร์ออฟติกเข้ามาใกล้จุดที่เราจับข้อมูล อันนี้ขึ้นอยู่กับที่ตั้งของโรงงานแต่ค่าใช้จ่ายต่อเดือนอาจจะยังอยู่เพียงแค่หลักร้อยถึงหลักพันเท่านั้นเอง

ผลการเปรียบเทียบ Network ระบบเน็ตเวิร์ค: IIoT ได้เปรียบ

Security ความปลอดภัยของระบบ

ถ้าพูดถึงเรื่องความปลอดภัยของระบบนั้นระบบดั้งเดิมที่ไม่ได้ต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต จะมีประเด็นที่น่าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยน้อยกว่า ซึ่งแน่นอนว่าการเข้าถึงระบบก็จำกัดอยู่ที่อุปกรณ์ที่ต่อเข้ากับ LAN (Local Area Network) นั้นๆ

ชื่อทางเทคนิคของ LAN (Local Area Network) ที่ใช้ในการผลิตที่ไม่ได้ต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตหรือ Office WAN (Wide Area Network)  คือ OT (Operational Technology) เน็ตเวิร์ค

ความปลอดภัยทางกายภาพของเน็ตเวิร์กยังเป็นประเด็นที่ยังต้องป้องกันอยู่ อันนี้คือในกรณีที่มี แฮกเกอร์ ต่อตรงเข้ากับเน็ตเวิร์กของคุณผ่านทางฮาร์ดแวร์ ที่อยู่ที่ไซต์งาน

ระบบ IIoT ต้องมีการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม

ระบบ Industrial IoT นั้นจำเป็นต้องเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตซึ่งต้องมีการป้องกันเพิ่มเติม เราจะมาอธิบายแนวทางในการทำกัน

ความเสี่ยงขึ้นอยู่กับตัวอุปกรณ์ที่ต่อเข้ากับ IIoT

อุปกรณ์อย่างเซ็นเซอร์กับมิเตอร์นั้นจับค่าอย่างเดียวไม่ได้มีเอาต์พุตไปควบคุมอะไร ดังนั้นจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าพวกอุปกรณ์ควบคุมที่เป็น Controller อาทิเช่น Remote I/O และ PLC

Cellular gateway ป้องกันระบบ IIoT ได้ระดับนึง

Cellular gateway ปกปิด IP Address ของอุปกรณ์ในเน็ตเวิร์คออกจากที่คนข้างนอกในอินเตอร์เน็ตเห็น ซึ่งป้องกัน Hacker ไม่ให้เข้าถึงตัวอุปกรณ์ได้

MQTT Protocol มีการรักษาความปลอดภัยในตัวมันเอง

MQTT เป็นโปรโตคอลที่ค่อนข้างจะปลอดภัยเนื่องด้วยว่ามันเป็นแบบ Pub/Sub (Publish and Subscribe) คือส่ง ‘และ/หรือ’ รับตัว Topic.

สำหรับงานที่ใช้เซ็นเซอร์หรือมิเตอร์ สามารถเซ็ตให้ตัวอุปกรณ์ IIoT ส่งข้อความ MQTT อย่างเดียว และงานที่อุปกรณ์ IIoT จำเป็นต้องรับข้อความอินพุตมาควบคุมตัวอุปกรณ์ในระบบก็สามารถเซ็ตให้รับข้อความจาก Topic (เรื่อง) ที่เราจำเป็นเท่านั้น

Firewall เป็นสิ่งที่จำเป็นในการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์ค OT และ IT เข้าด้วยกัน

เราจำเป็นที่จะต้องมีอุปกรณ์ Firewall เพิ่มเติมเพื่อป้องกัน ถ้าระบบ IIoT ของคุณเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตผ่านทางเน็ตเวิร์คของออฟฟิศ

อุปกรณ์อาทิเช่นคอมพิวเตอร์ใน IT เน็ตเวิร์คของออฟฟิศนั้นเป็นแหล่งที่มาของ Ransomware และไวรัสคอมพิวเตอร์ต่างๆ ตามประสบการณ์ของเราอุปกรณ์ที่อยู่ในเน็ตเวิร์คของออฟฟิศนั้นเป็นจุดอ่อนในกรณีที่เราเชื่อมต่อเข้าอินเทอร์เน็ตผ่านทาง IT เน็ตเวิร์คของออฟฟิศ

Firewall ออกแบบมาเพื่อป้องกัน LAN เน็ตเวิร์คอย่างที่ใช้ในไลน์ผลิต (OT network) จากเน็ตเวิร์คที่ต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต ชื่อทางเทคนิคของ Network นี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า IT (Information Technology) เน็ตเวิร์ค

ผลการเปรียบเทียบความปลอดภัยของระบบ: ระบบดั่งเดิมได้เปรียบ

Server & Database (Datacenter/Server Room)

ระบบดั้งเดิมนั้นจำต้องมี Data Center หรืออีกชื่อหนึ่งที่คนไทยมักจะเรียกคือ Server Room ซึ่งต้องมีการบริหารการซ่อมบำรุง และต้องมีแผนการบริหารซอฟต์แวร์ที่ใช้อีกด้วย การออกแบบและซ่อมบำรุง Server Room ให้ถูกต้องนั้นเป็นประเด็นเสมอสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่เชี่ยวชาญในระบบ IT ในไซต์การผลิตของโรงงานอีกด้วย

จากประสบการณ์ ผมไม่ค่อยจะเห็น Server Room ที่ได้รับการออกแบบและซ่อมบำรุงได้ดีพอในโรงงานอุตสาหกรรม บางทีการเพิ่มเซิร์ฟเวอร์สำหรับระบบ SCADA หรือ MES นั้นรู้สึกเหมือนกับการเพิ่มระเบิดเวลาเข้าไปที่ไซต์งาน

ในทางกลับกันระบบ Industrial IoT ไม่ต้องพึ่ง Server Room แต่ก็ต้องมีการบริหารจัดการซึ่งก็แล้วแต่ว่าคุณเลือกใช้แพลตฟอร์มบนคลาวด์อาทิเช่น AWS และ Azure หรือระบบ SaaS IIoT อาทิเช่น SIEMENS Mindsphere

การสร้างระบบ IIoT ใน Cloud เองเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายแน่นอนจะดีกว่าที่จะหาบริษัทที่ชำนาญมาสร้างให้คุณ และแน่นอนว่าระบบ IIoT แบบ SaaS นั้นจะเป็นระบบที่ขึ้นได้เร็วที่สุดและใช้ค่าใช้จ่ายในการลงทุนเริ่มต้นน้อยที่สุดอีกด้วย

การบริหาร Server Room สามารถแบ่งประเด็นได้ดังนี้

  1. การบริหารสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะอุณหภูมิและความชื้น
  2. การป้องกันอัคคีภัยและการรักษาความปลอดภัย
  3. การป้องกันปัญหาทางระบบไฟฟ้า
  4. การบริหารอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใน Server Room

ผมจะไม่คุยอธิบายรายละเอียดสำหรับแนวทางการบริหาร Server Room นะครับเพราะว่ายาวแน่นอนและเป็นบทความแยกได้เลย ผมจะขอคุยถึงประเด็นเจาะจงที่เกี่ยวข้องกับ Server room ที่ใช้ในไซต์โรงงาน

ติดตั้งระบบใหม่ จะใช้ Server Room เดิมหรือสร้างใหม่ดี?

Server Room  ควรที่จะอยู่ใกล้จุดที่จับและรวบรวมข้อมูลมากที่สุด ซึ่งก็คืออยู่ใกล้ไลน์ผลิตเพื่อที่จะได้ลดค่าใช้จ่ายในการเดินระบบเน็ตเวิร์คไปถึงห้อง Server Room  แต่โดยทั่วไปแล้ว Server Room จะอยู่ใกล้ฝั่งออฟฟิศและไกลจากไลน์ผลิต ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? เพราะว่า Server Room อันแรกที่ได้ถูกสร้างไว้ในโรงงานส่วนใหญ่แล้วจะมีไว้เพื่อระบบ ERP หรือระบบบัญชี

ในการติดตั้งระบบ SCADA หรือ MES ด้วยวิธีการดั้งเดิมนั้น โรงงานผู้ผลิตจำต้องพิจารณาและเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างการลากสายเน็ตเวิร์ค ไปให้ถึงห้อง Server Room เก่าหรือจะสร้าง Server Room/Data center ใหม่ใกล้ๆกับไลน์ผลิต

ใช้อุปกรณ์เกรดอุตสาหกรรมเพื่อลดภาระของ Server Room

อุปกรณ์ที่ใช้ใน Server room โดยเฉพาะตัวเซิร์ฟเวอร์เองจำเป็นที่จะต้องอยู่ในที่อุณหภูมิไม่สูงเกินไปและมีความชื้นในระดับที่พอดี ปราศจากฝุ่นและปัญหาทางด้านไฟฟ้า อุปกรณ์ส่วนใหญ่จะไม่สามารถทนอุณหภูมิได้เกิน 40°C  ในขณะใช้งาน เป็นสาเหตุให้ทั้งตัว Server Room และอุปกรณ์ที่อยู่ในห้องยากต่อการดูแลและใช้ค่าใช้จ่ายสูงในการสร้างใหม่

อีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้อุปกรณ์เกรดอุตสาหกรรมเพื่อลดภาระของ Server Room

  • ใช้อุปกรณ์เน็ตเวิร์คเกรดอุตสาหกรรมที่สามารถยึดราง DIN-rail และทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมของการผลิตได้
  • ใช้ Server ที่เป็นเกรดอุตสาหกรรมโทนความร้อนถึง 55°C และสามารถทนฝุ่นได้ ไม่ใช้พัดลมในการระบายความร้อน และมี IP เรตติ้งเป็นต้น
  • UPS ป้องกันปัญหาทางไฟฟ้าอาทิเช่นไฟดับและไฟกระชากพี่เป็นเกรดอุตสาหกรรม
  • Rack สำหรับตัวเซิร์ฟเวอร์ ที่ออกแบบมาไว้ใช้ในสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรม

การที่ใช้อุปกรณ์เกรดอุตสาหกรรมนั้นทำให้สามารถตั้ง Server Room ไว้ใกล้ๆกับไลน์ผลิตได้ แต่ทว่าอุปกรณ์เกรดอุตสาหกรรมนั้นจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบทั่วไปประมาณ 40% ถึง 200% และมีสเปคที่ต่ำกว่า

การดูแลซอฟต์แวร์สำหรับระบบ

การดูแลซอฟต์แวร์สำหรับระบบ IIoT และระบบดังเดิมนั้นค่อนข้างที่จะคล้ายๆกัน ในกรณีที่คุณใช้เทคโนโลยี Cloud Computing แบบ Virtual Machine (VM) บนแพลตฟอร์มอาทิเช่น AWS, Azure, หรือ Huawei Cloud. การดูแลในระบบ serverless จำเป็นต้องมีผู้ที่มีประสบการณ์และค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องเรียนรู้และอัพเดท ระบบ SaaS เป็นระบบเดียวที่ไม่จำเป็นต้องมีการดูแลเรื่องซอฟต์แวร์ 

ผลการเปรียบเทียบ Server & Database (Datacenter/Server Room): ระบบ IIoT ได้เปรียบ

Facebook Comments