เลือก ev charger ที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

Share this post

ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำวิธีการเลือก EV Charger ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณ ไม่ว่าคุณกำลังมองหาที่ชาร์จสำหรับบ้านพักอาศัย ที่ทำงาน หรือสถานีชาร์จสาธารณะ เราได้รวบรวมข้อมูลไว้อย่างครบถ้วน แบบที่ว่าเมื่อคุณอ่านจบแล้ว สามารถสั่งซื้อที่ชาร์จ EV ด้วยตัวเองได้เลย มาเริ่มต้นค้นหาเครื่องชาร์จ EV ที่เหมาะกับทั้งรถและไลฟ์สไตล์ของคุณกันดีกว่า !!

ถ้าคุณสนใจเกี่ยวกับ EV Charger ที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับ EV Charger คืออะไร และโหมดการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV มีกี่โหมด

เราจะพาคุณไปพบกับความหลากหลายของรถไฟฟ้า EV ที่มีอยู่ในตลาด ประเภทของเครื่องชาร์จ EV และทำความเข้าใจในแต่ละพื้นที่ว่าแตกต่างกันมากเพียงใด เพื่อคุณจะใช้เป็นปัจจัยเบื้องต้นในการเลือก EV Charger ให้เหมาะกับการใช้งานที่สุด

3 ปัจจัยสำคัญก่อนเลือก EV Charger

1. ประเภทรถยนต์ไฟฟ้า

รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles: EVs) มีหลายประเภทตามลักษณะการขับเคลื่อนและความต้องการพลังงานต่าง ๆ ของผู้ใช้ สามารถแบ่งประเภทรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่พบในท้องตลาด ไว้ได้ดังนี้

  • Battery Electric Vehicles (BEVs): BEVs คือ รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานหลักในการขับเคลื่อนและไม่มีเครื่องยนต์ในรถ พลังงานไฟฟ้าจะถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่และใช้ในการขับรถ ตัวอย่างของรถประเภท BEVs เช่น Tesla Model 3, Nissan Leaf, และ Chevrolet Bolt
  • Plug-In Hybrid Electric Vehicles (PHEVs): PHEVs เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแบตเตอรี่สำรองและเครื่องยนต์ในรถ สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และเปิดใช้งานเครื่องยนต์ในกรณีที่แบตเตอรี่หมดพลังงาน ตัวอย่างของ PHEVs เช่น Mitsubishi Outlander PHEV และ Ford Fusion Energi
  • Extended Range Electric Vehicles (EREVs): EREVs คือ ประเภทที่ผสมระหว่าง BEVs และ PHEVs พวกเขามีเครื่องยนต์ในรถที่สร้างไฟฟ้าเพิ่มในแบตเตอรี่ เมื่อพลังงานใกล้หมด.รถยนต์นี้มักมีระยะทางในการขับรถไฟฟ้าที่ยาวกว่า PHEVs และใช้เครื่องยนต์ในรถเป็นระยะ ๆ เพื่อสร้างไฟฟ้า ตัวอย่างของ EREVs. เช่น Chevrolet Volt
  • Hydrogen Fuel Cell Electric Vehicles (FCEVs): รถประเภท FCEVs จะใช้เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเพื่อสร้างไฟฟ้าในการขับเคลื่อน และปล่อยน้ำเป็นผลผลิตเสริม ปัจจุบันรถประเภท FCEVs ยังมีจำนวนจำกัดและมักพบในสถานที่ที่มีสถานีเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ตัวอย่างของ FCEVs เช่น Toyota Mirai และ Honda Clarity Fuel Cell
  • Micro Electric Vehicles (Micro EVs): รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่สร้างสำหรับการใช้งานในเมืองหรือการเดินทางสั้น ๆ รวมถึงรถจักรยานไฟฟ้าและรถยนต์ไฟฟ้าที่มีขนาดเล็ก
  • Three-Wheeled Electric Vehicles: รถยนต์ไฟฟ้าที่มีล้อสามล้อที่ใช้เพื่อการเดินทางในสภาพการจราจรในเมือง โดยทั่วไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสองที่หน้าและล้อหลัง.
  • Luxury Electric Vehicles: รถยนต์ไฟฟ้าระดับหรูที่มีการออกแบบและคุณภาพระดับสูง ตัวอย่างของรถยนต์ไฟฟ้าชนิดนี้ เช่น Tesla Model S, Porsche Taycan และ Audi e-tron
  • Electric Sports Cars: รถยนต์สปอร์ตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและมีประสิทธิภาพสูง ตัวอย่างรถยนต์สปอร์ตไฟฟ้า เช่น Tesla Roadster

แต่ละประเภทรถยนต์ไฟฟ้ามีความต้องการการชาร์จและพื้นที่ในการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้น การเลือก EV Charger และการวางแผนการใช้งานของคุณจะต้องขึ้นอยู่กับประเภทของรถ EV ที่คุณเลือกใช้และความต้องการของคุณในการใช้งานในชีวิตประจำวัน

2. ประเภทเครื่องชาร์จ EV

การเลือก EV Charger ที่มีความเร็วในการชาร์จ (Charging speed) ให้เหมาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพและความสะดวกสบายในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า ความเร็วในการชาร์จมีผลต่อเวลาที่ใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่และความสามารถในการรับมือกับความต้องการชาร์จไฟ EV ของคุณในแต่ละวัน

  • EV Charger Level 1 (110V): EV Charger Level 1 ใช้พลังงานไฟฟ้าจากเสียบเข้ากับปลั๊ก 110V ความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่จะช้าที่สุด และมักใช้เวลานานในการชาร์จไฟแต่ละครั้ง ดังนั้น EV Charger Level 1 เหมาะสำหรับการชาร์จประจำวันหรือการใช้งานที่บ้าน เพื่อรถไฟฟ้า EV ที่ไม่ต้องการการชาร์จบ่อยเกิน
  • EV Charger Level 2 (240V): EV Charger Level 2 จะเร็วกว่า EV Charger Level 1 และมีความสามารถในการชาร์จแบตเตอรี่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ความเร็วขึ้นอยู่กับรถยนต์แต่ละรุ่น แต่ส่วนใหญ่เหมาะสำหรับการใช้งานที่บ้านหรือที่ทำงาน
  • EV Charger DC Fast Charger: รถยนต์ EV ที่มีความเร็วในการชาร์จสูงสามารถใช้ EV Charger DC Fast Charger ในสถานที่สาธารณะเพื่อชาร์จรถไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว ใช้เวลา 10-20 นาที ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่จะสั้นมาก เหมาะสำหรับติดตั้งบนทางหลวง ปั๊มน้ำมัน หรือจุดพักรถ ที่เป็นสถานที่แวะพักระหว่างการเดินทาง

3. พื้นที่การใช้งาน

รถยนต์ไฟฟ้า EV สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ในหลายที่ ไม่ว่าจะเป็น บ้านหรืออาคารที่พักอาศัย, อาคารสำนักงาน, ที่จอดรถสาธารณะ, ห้างสรรพสินค้า, ทางหลวงหรือทางด่วน ซึ่งเวลาในการชาร์จ และโหมดการชาร์จ รวมถึงจำนวนเครื่องชาร์จที่ติดตั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของสถานีชาร์จ

1. การชาร์จที่บ้าน หรือที่พักอาศัย

สำหรับผู้ใช้รถยนต์ EV จำนวนมาก การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้านนับเป็นตัวเลือกที่สะดวกและคุ้มค่าที่สุด เมื่อเลือกที่ชาร์จ EV สำหรับบ้านของคุณ สิ่งที่ควรคำนึงถึง ดังนี้

บ้านเดี่ยว

  • ความเร็วในการชาร์จที่เหมาะกับการใช้งานของผู้อยู่อาศัย เริ่มจากการสังเกตพฤติกรรมการขับขี่ในแต่ละวัน และเลือกเครื่องชาร์จที่มีความเร็วในการชาร์จที่เหมาะสม ที่ชาร์จระดับ 1 (120V) จะช้ากว่าแต่เป็นมาตรฐานสำหรับ EV ส่วนใหญ่ ในขณะที่ที่ชาร์จระดับ 2 (240V) ให้การชาร์จที่เร็วกว่า
  • ความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ชาร์จและรุ่นรถ อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่า EV Charger เข้ากันได้กับรุ่นรถยนต์ EV ส่วนมากรถ EV จะใช้ขั้วต่อมาตรฐาน J1772 แต่บางรุ่นอาจต้องใช้หัวชาร์จเฉพาะ
  • ตรวจสอบความง่ายในการติดตั้ง ที่ชาร์จรถไฟฟ้าบางรุ่น สามารถเสียบเข้ากับเต้ารับมาตรฐานได้ ในขณะที่บางรุ่นอาจต้องปรึกษาและทำการติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ
  • ระยะเวลาชาร์จ โดยปกติคนเราจะใช้เวลาในบ้านหรือที่พักอาศัย เฉลี่ย 10-16 ชั่วโมงต่อวัน ช่วงเวลาที่ชาร์จรถไฟฟ้า บางคนอาจชาร์จในช่วงกลางคืน ระหว่างเข้านอน และชาร์จทิ้งไว้จนถึงเช้า
    การควบคุมสั่งการ สำหรับผู้ใช้ที่ติดตั้งเครื่องชาร์จ EV Charger ที่บ้าน ที่มีการใช้งานเป็นประจำ ทำให้ต้องอาศัยการสั่งการผ่านแอปพลิชั่น

คอนโดมิเนียม

ความเร็วในการชาร์จ ถ้าเป็นคอนโดมีเนียม ผู้อยู่อาศัยอาจมีเวลาจำกัดสำหรับการชาร์จไฟแค่ 2-4 ชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากมีผู้อยู่อาศัยร่วมด้วย ทำให้ไม่สามารถชาร์จทิ้งได้เหมือนอยู่บ้านเดี่ยว ตำแหน่งติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้า บริเวณลานจอดรถ และประเภทการชาร์จ ควรเป็นการชาร์จแบบกระแสไฟสลับ AC Charging

2. การชาร์จสถานที่ทำงาน หรือออฟฟิศ

ปัจจุบันสถานที่ทำงานหลายแห่งเสนอการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อผลประโยชน์ของพนักงาน เมื่อเลือกที่ชาร์จ EV สำหรับสถานที่ทำงาน ให้พิจารณาเรื่องเหล่านี้

  • จำนวนเครื่องชาร์จที่เพียงพอกับผู้ใช้งาน กำหนดจำนวน EV ที่ต้องชาร์จและวางแผนตา การติดตั้งที่ชาร์จแบบ Level 2 หลายอัน อาจจำเป็นสำหรับสถานที่ทำงานที่มีผู้คนพลุกพล่าน (AC Charging)
  • ระบบควบคุมสั่งการ พิจารณาถึงความต้องการควบคุมการชาร์จได้ เช่น การ์ด RFID หรือแอปพลิเคชั่นควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน เพื่อจัดการการใช้งานเครื่องชาร์จ EV และป้องกันการชาร์จโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • ค่าใช้จ่ายในการชาร์จ ตัดสินใจว่าการเรียกเก็บเงินจะเป็นแบบฟรีหรือชำระเงิน และใช้ระบบจ่ายเงินที่เข้าถึงง่าย เพื่อความรวดเร็ว โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีคนใช้งานเยอะ
  • ระยะเวลาการชาร์จ สำหรับออฟฟิศหรือสำนักงาน ถ้าเป็นพนักงานประจำจะใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน ที่ใช้เวลาอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ แต่สำหรับผู้ที่เข้ามาติดต่อธุระ อาจจะใช้เวลาแค่ 2 – 4 ชั่วโมง ทำให้เจ้าของอาคารควรจะคำนึงถึงผู้ใช้งานกลุ่มนี้เพิ่มเติมด้วย

3. สถานีชาร์จสาธารณะ (EV Station)

สถานีชาร์จสาธารณะ มีความจำเป็นสำหรับการเดินทางระยะไกลและการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในเมือง เมื่อเลือกเครื่องชาร์จ EV Charger สำหรับการใช้งานสาธารณะที่เป็นทางผ่าน เช่น ทางหลวง ทางด่วน ให้คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้

  • ความเร็วในการชาร์จที่รวดเร็วและรองรับรุ่นรถ EV หลายแบรนด์ในท้องตลาด ควรเป็นการชาร์จแบบเร็ว (DC Fast Charging) ที่ใช้ระยะเวลาชาร์จไม่เกิน 30 นาที
  • สถานที่ติดตั้งที่ชาร์จในบริเวณที่มีการจราจรหนาแน่น เช่น ทางหลวง จุดพักรถ มอเตอร์เวย์ เพื่อให้ผู้ขับขี่ EV เข้าถึงได้ง่าย
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องชาร์จ EV ที่ติดตั้งอยู่นั้น มีระบบเครือข่ายรองรับการใช้งานและควบคุมได้ง่าย เพื่อให้ผู้ใช้มีตัวเลือกสำหรับการชำระเงินที่รวดเร็ว สามารถอัปเดตสถานะแบบเรียลไทม์ได้
  • ความทนทานของเครื่องชาร์จหรือแท่นชาร์จที่ติดตั้ง ควรถูกสร้างขึ้นให้มีความทนทานต่อการใช้งานหนักและสภาพแวดล้อมรุนแรง อย่างเช่น แสงแดด อากาศร้อน และฝนตกหนัก
  • ระยะเวลาการชาร์จ การใช้งานในพื้นที่แบบนี้ ส่วนมากใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที หรือไม่เกิน 1 ชั่วโมง เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ระหว่างพักรถ แวะเข้าห้องน้ำ ซื้อกาแฟ หรืออาหาร

4. การชาร์จปลายทาง

ร้านอาหาร ศูนย์กลางค้า ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และจุดหมายปลายทางอื่นๆ สามารถดึงดูดผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าได้ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ระหว่างเข้ามาใช้บริการในพื้นที่เหล่านี้ การเลือกที่ชาร์จ EV Charger สำหรับการชาร์จในพื้นที่เหล่านี้ ให้พิจารณา ดังนี้

  • ความเร็วในการชาร์จ โดยทั่วไปเครื่องชาร์จ Level 3 (หรือที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า DC Charging) สำหรับการชาร์จปลายทางที่ต้องการเวลาในการชาร์จไฟให้เต็มไม่เกิน 3 ชั่วโมง
  • การเข้าถึงง่าย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสามารถเข้าถึงที่ชาร์จได้ง่าย และมีเครื่องหมายบอกตำแหน่งสถานีชาร์จ EV Station ที่ชัดเจน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่มาใช้บริการ สามารถสังเกตเห็นได้ง่าย
  • ระยะเวลาในการชาร์จ ส่วนมากผู้คนใช้เวลาในพื้นที่เหล่านี้ เฉลี่ย 2 – 4 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่น เดินช้อปปิ้ง ภายในห้างสรรพสินค้า
  • การติดตั้งสถานีชาร์จ EV Charger ถือเป็นกลยุทธ์การส่งเสริมธุรกิจที่ผู้ประกอบการเล็งเห็นโอกาสในการดึงดูดลูกค้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า

แนะนำวิธีเลือก EV Charger

ถ้าใช้ปัจจัยที่ได้พูดไว้นั้น จากภาพนี้จะทำความเข้าใจว่า อาจเริ่มจากประเทภของที่ชาร์จ EV Charger โดยแบ่งจากแหล่งจ่ายไฟ แบ่งได้เป็นการชาร์จแบบไฟฟ้ากระแสสลับ AC Charging และการชาร์จไฟกระแสตรง DC Charging

ซึ่งการชาร์จแบบ AC นั้น จะมีกำลังไฟของเครื่องชาร์จ (Power) หลายขนาดทั้ง 2.3kW, 3.7kW, 7.4kW, 11kW และ 22kW ซึ่งขนาดของกำลังไฟ (Power) นี้ จะสอดคล้องกับเปอร์เซ็นต์การชาร์จแบตเตอรี่ใน 30 นาที ถ้ามีกำลังไฟสูง % การชาร์จก็จะมีเรมสูงขึ้นตาม และยังมีผลต่อจำนวนชั่วโมงการชาร์จไฟเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม สำหรับการชาร์จ AC จะนิยมติดตั้งในบ้านพักอาศัย คอนโดมีเนียม อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า

สำหรับการชาร์จแบบ DC จะเป็นการชาร์จด้วยกระแสตรง ทำให้การชาร์จด้วยวิธี้นี้จะใช้ระยะไม่นาน ไม่เกิน 2 ชั่วโมง หรือเพียง 10-20 นาทีเท่านั้นเอง กำลังไฟ (Power) จะมีทั้ง 24kW, 50kW และ 100kW – 350kW สำหรับการใช้งานนั้นจะนิยมติดตั้งตามสถานีชาร์จ จุดชาร์จสาธารณะ หรือเส้นทางเดินทาง ทางหลวง ตามจุดพักรถหรือปั๊ม ที่เป็นพื้นที่ที่คนใช้เวลาไม่นาน ใช้แวะระหว่างเดินทาง

นอกจาก 3 เรื่องหลักๆ ที่เรากล่าวไปสำหรับการเลือกที่ชาร์จ EV คุณอยากจะต้องพิจารณาปัจจัยเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติม ดังนี้

  1. ความปลอดภัย: ความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือก EV Charger คุณควรตรวจสอบว่า EV Charger มีมาตรฐานความปลอดภัยรองรับ เช่น UL รวมถึงระบบการควบคุมความร้อนและระบบความปลอดภัยอื่น ๆ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการชาร์จ การเลือก EV Charger จากยี่ห้อที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพ จะช่วยให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการชาร์จ เช่น Schneider Electric, ABB, Siemens
  2. ความสะดวกสบาย: ความสะดวกสบายเป็นสิ่งสำคัญเมื่อคุณต้องการใช้งาน EV Charger ในชีวิตประจำวัน คุณควรเลือก EV Charger ที่มีอินเตอร์เฟซและฟังก์ชันที่ใช้งานง่าย รวมถึงระบบสื่อสารที่ชัดเจนเพื่อให้คุณทราบสถานะของการชาร์จ
  3. ค่าใช้จ่าย: ราคาของ EV Charger มีความแปลกแตกต่างกัน คุณควรกำหนดงบประมาณที่เหมาะสมและเลือก EV Charger ที่ตรงตามงบประมาณของคุณ อย่าลืมคิดถึงค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและราคาค่าไฟฟ้าในการใช้งานระยะยาวด้วย
  4. การติดตั้ง: การติดตั้ง EV Charger อาจจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติม คุณควรหาก่อสร้างที่นั่งชาร์จที่เหมาะสม และตรวจสอบว่าระบบไฟฟ้าของคุณเพียงพอสำหรับการติดตั้ง EV Charger โดยมีความปลอดภัย
Facebook Comments