EV Charger คืออะไร และเลือกอย่างไรให้ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด

Share this post

เทรนด์ตอนนี้ คงจะหนีไม่พ้น “โลกแห่งยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV (Electric Vehicle)” ที่พาไปสัมผัสกับประสบการ์ณการขับขี่บนท้องถนนแบบใหม่ที่มาพร้อมพลังงานสะอาด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของ EV ที่มีประสบการณ์หรือเพิ่งเริ่มก้าวเข้าสู่โลกของรถยนต์ไฟฟ้า สิ่งสำคัญหนึ่งสิ่งที่คุณจำเป็นต้องมีเลยก็คือ EV Charger ที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า นั่นเอง

การเลือกเครื่องชาร์จ EV ที่เหมาะกับการใช้งานจริง ๆ อาจจะฟังดูแล้วเป็นสิ่งที่น่ากังวลไม่น้อย เนื่องจากมีตัวเลือก EV Charger ที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามากมายในท้องตลาด โดยแต่ละยี่ห้อนั้นก็มีคุณสมบัติและฟังก์ชั่นการใช้งานเฉพาะตัว และรถ EV เองนั้นมีศัพท์เฉพาะทาง ศัพท์เทคนิคที่บางคำก็เพิ่งจะได้ยินครั้งแรกด้วยซ้ำ ที่สร้างความสับสนให้กับคนที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่วงการรถยนต์ EV ทำให้เราจึงต้องรวบรวมและสรุปเป็นข้อมูลที่เข้าใจง่ายที่สุด เพื่อคุณจะได้รับความรู้ ข้อมูลที่เข้าใจง่าย และสามารถนำไปใช้ได้จริง

EV Charger คืออะไร

EV Charger เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า คือ อุปกรณ์หรือระบบที่ใช้ในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้มีพลังงานพร้อมใช้งานอีกครั้งหลังจากที่แบตเตอรี่ถูกใช้งานไป ระบบ EV Charger มีหลายรูปแบบตามลักษณะการใช้งานและความต้องการของผู้ใช้งาน โดยแบ่งการชาร์จออกเป็น 2 ประเภท คือ Normal Charge (AC Charging) และ Fast Charge (DC Charging)

EV Charger Schneider EVlink

ตัวอย่าง EV Charger ที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

1. AC Charging

การชาร์จโหมด AC หรือการชาร์จโหมดกระแสสลับ เป็นหนึ่งในวิธีการเติมแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า EV ที่พบบ่อยที่สุด โดยจะใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) มาตรฐาน ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ที่ 240V สำหรับชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เครื่องชาร์จแบบ AC นั้นจะจ่ายไฟ AC ไปยังรถ EV โดยตรง และอาศัยระบบชาร์จไฟ (On-Board Charger) ในรถทำหน้าที่แปลงเป็นแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง DC ในการชาร์จแบตเตอรี่ให้รถ EV และเครื่องชาร์จโหมด AC จะใช้ตัวเชื่อมต่อมาตรฐาน เช่น หัวชาร์จ J1772 เพื่อสร้างการเชื่อมต่อระหว่างสถานีชาร์จและรถยนต์ไฟฟ้า EV โดยมีประเภทหัวชาร์จ 2 ประเภท ดังนี้

หัวชาร์จ Type 1

หัวชาร์จ Type 1

หรือที่เรียกกันว่า “J-Plug” นิยมใช้ฝั่งอเมริกาและญี่ปุ่น เป็นการชาร์จแบบ Single Phase จ่ายไฟ 3.7kW – 7.4kW และเป็นหัวต่อแบบ 5 Pin

หัวชาร์จ Type 2

เป็นหัวชาร์จที่นิยมใช้กับรถ EV ในแถบยุโรป จ่ายไฟได้ถึง 22kW สำหรับการชาร์จแบบ 3 Phase และเป็นหัวต่อแบบ 7 Pin หัวชาร์จแบบ Type 2 เป็นหัวชาร์จที่ประเทศไทยใช้เป็นข้อกำหนดมาตรฐานหัวชาร์จสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

2. DC Charging

การชาร์จโหมด DC หรือที่เรียกว่าการชาร์จเร็ว DC (Fast Charge) สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว วิธีการนี้อาศัยการส่งพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ไฟฟ้าแรงสูงไปยังแบตเตอรี่ของ EV โดยตรง สามารถชาร์จประจุได้มาก ชาร์จได้ถึง 80% หรือมากกว่านั้นในเวลาเพียง 20-30 นาที จึงเหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกล ประเภทหัวชาร์จแบบ DC ที่นิยม ดังนี้

หัวชาร์จ CHAdeMO

หัวชาร์จ CHAdeMO

คือ มาตรฐานการชาร์จเร็วสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่พัฒนาขึ้นในประเทศญี่ปุ่น โดยใช้ไฟฟ้ากระแสตรง (DC) เพื่อจ่ายไฟให้กับแบตเตอรี่รถยนต์และดำเนินการแปลงจากไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ในจุดชาร์จ ส่วนใหญ่จ่ายไฟสูงสุดที่ 50 kW สำหรับรถ EV

หัวชาร์จ CCS (Combo) 2

หัวชาร์จ CCS (Combo) 2

เป็นมาตรฐานการชาร์จเร็วประเภทหนึ่งสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ได้ทั้งการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) และไฟกระแสสลับ (AC) โดยหัวชาร์จ CCS (Combo) 2 จะมีลักษณะเหมือนปลั๊ก Type 2 ซึ่งมีขา 2 ข้าง เพิ่มมาด้านล่าง เพื่อใช้สำหรับชาร์จไฟด้วยกระแสตรงโดยเฉพาะ เป็นมาตรฐานการชาร์จทั่วไปที่ใช้ในยุโรปและอเมริกาเหนือ และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง

เลือก EV Charger ตามพื้นที่การใช้งาน

รถยนต์ไฟฟ้า EV สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ในหลายที่ ไม่ว่าจะเป็น บ้านหรืออาคารที่พักอาศัย, อาคารสำนักงาน, ที่จอดรถสาธารณะ, ห้างสรรพสินค้า, ทางหลวงหรือทางด่วน ซึ่งเวลาในการชาร์จ และโหมดการชาร์จ รวมถึงจำนวนเครื่องชาร์จที่ติดตั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของสถานีชาร์จ

1. การชาร์จที่บ้าน หรือที่พักอาศัย

ในที่พักอาศัยที่มีรถยนต์ไฟฟ้า การชาร์จรถยนต์ที่บ้านจึงนับเป็นเรื่องปกติ เช่นเดียวกับการชาร์จโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน การติดตั้ง EV Charger ในบ้านมีประโยชน์ในเรื่องความสะดวกสบาย สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ตามที่คุณต้องการ ไม่ต้องเดินทางไปชาร์จไฟที่สถานที่ชาร์จสาธารณะนอกบ้าน สามารถนำรถ EV ชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้ตอนกลางคืน พร้อมใช้งานได้ทันตอนเช้าวันถัดมาทุกๆ วัน และสถดท้ายอย่าลืมคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟ เนื่องจากการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า อาจมีผลต่อค่าไฟฟ้าในบ้านก่อนที่จะติดตั้งเครื่องชาร์จ EV รวมถึงเรื่องวิธีการจ่ายค่าไฟฟ้า และวิธีการตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าสำหรับการชาร์จ EV แยกออกมาจากการใช้ไฟส่วนอื่น

2. การชาร์จสถานที่ทำงาน หรือออฟฟิศ

ในสถานที่ทำงาน ตึกสำนักงานต่างๆ นั้น การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นช่วงเวลาทำงาน หลังจากที่พนักงานเข้าออฟฟิศในช่วงเช้าจนไปสุดสิ้นช่วงเลิกงาน ประมาณ 8-10 ชั่วโมง สำหรับ EV Charger ควรติดตั้งใกล้สถานที่จอดรถ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานให้กับพนักงาน ไม่ต้องมีความยุ่งยากในการเข้าถึงที่ชาร์จ นอกจากนี้ภายในที่ทำงานควรต้องจัดเตรียมระบบการชาร์จ เช่น การจัดการคิวของพนักงานที่ต้องการใช้ EV Charger ในช่วงเวลาทำงาน เพื่อป้องกันการแย่งที่ชาร์จหรือการชาร์จทิ้งไว้นานเกินไป

3. สถานีชาร์จสาธารณะ (EV Station)

สถานีชาร์จสาธารณะ (EV Station) บริเวณทางด่วนหรือทางหลวง มักตั้งอยู่บนเส้นทางที่มักใช้งานในการเดินทางไประหว่างจังหวัด ที่มีระยะทางการเดินทางยาวหลายชั่วโมง สถานีชาร์จสาธารณะควรตั้งอยู่ในสถานที่ที่สะดวกสบาย เช่น ปั้มน้ำมันหรือจุดพักรถ และควรมีการแสดงสถานะการใช้งานแสดงอย่างชัดเจน

ส่วนมากตามสถานีชาร์จสาธารณะ จะนิยมเป็นแบบ DC Fast Charger ซึ่งมีความสามารถในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว เราสามารถเลือกตามความต้องการในการชาร์จและเวลาที่มีอยู่ในการเดินทาง และสุดท้ายค่าใช้จ่ายในการใช้ EV Charger รวมถึงการเรียกเก็บค่าชาร์จไฟ อาจอิงจากปริมาณไฟฟ้าที่ใช้หรือตามเวลาที่ใช้งาน และต้องมีระบบการจ่ายเงินที่ง่ายและสะดวก

4. การชาร์จปลายทาง

สถานที่เหล่านี้มักเป็นจุดปลายทางสำหรับผู้คนที่อาจต้องการเติมพลังงานระหว่างการเดินทาง เช่น ผู้เดินทางที่มุ่งหน้าไปยังที่อื่น หรือคนที่อยู่ในโรงแรมที่มาพักผ่อน การติดตั้ง EV Charger ในสถานที่ดังกล่าวควรตั้งอยู่ในสถานที่ที่สะดวกสบายและเข้าถึงง่าย เพื่อให้ผู้คนสามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของพวกเขาโดยไม่ต้องทำการมองหายากเกินไป อาจมีการติดตั้งป้ายแสดงจุดชาร์จอย่างชัดเจน

ความต้องการในการชาร์จจะแตกต่างกันในแต่ละสถานที่ เช่น โรงแรม คนอาจมีความต้องการในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการใช้งานรายวัน ในห้างสรรพสินค้า ผู้คนอาจต้องการชาร์จรถยนต์ ขณะที่เดินซื้อสินค้าในห้าง และระบบคำนวณค่าใช้จ่ายในการใช้งาน EV Charger และการเรียกเก็บค่าชาร์จตามจำนวนไฟฟ้าที่ใช้หรือตามเวลาการชาร์จ วิธีการจ่ายเงินที่สะดวกจากแอปพลิเคชั่น

การติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้านั้น ความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบมาตรฐานการไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญ แนะนำว่าควรปรึกษาช่างไฟฟ้าหรือผู้ติดตั้งมืออาชีพ เพื่อให้แน่ใจว่ามีการติดตั้งที่เหมาะสมและเป็นไปตามหลักปฏิบัติทางข้อกำหนดไฟฟ้า ท้ายที่สุดแล้ว การเลือกที่ชาร์จ EV ที่เหมาะสมสำหรับพื้นที่การใช้งานแต่ละพื้นที่นั้น เกี่ยวข้องกับการพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความเร็วในการชาร์จ ความเข้ากันได้ของรุ่นรถและ EV Charger ค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง การเข้าถึงและติดตามสถานะการชาร์จไฟ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าที่สุด

ไลฟ์สไตล์การขับขี่บนท้องถนนยุคใหม่ พร้อมเริ่มต้นที่นี่แล้ว! เลือกซื้อ EV Charger ที่ชาร์จรถไฟฟ้า และค้นหาสินค้าเหมาะสม สำหรับการใช้งานบนท้องถนน เพื่อให้รถของคุณเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโลกพลังงานสะอาด ด้วยเทคโนโลยีการชาร์จที่ล้ำสมัย !!

Facebook Comments