วันนี้เราจะพบกับวิธีการเลือก Clamp Meter เราควรเลือกอย่างไร? ดูอะไรบ้าง?? เพื่อให้ Clamp Meter ที่นำมาใช้กับงานนั้นมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด
คุณสามารถเข้าไปอ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ ศูนย์รวมข้อมูลเกี่ยวกับ Clamp Meter ในหน้านี้จะรวมรวบบทความที่น่าสนใจไว้มากมาย โดยบทความทั้งหมดคุณสามารถเข้าไปอ่านได้เลย และสามารถดาวน์โหลดเนื้อหาทั้งหมดในรูปแบบไฟล์ PDF ได้ฟรีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีหน้าแคตตาล็อกสินค้าให้คุณเข้าไปดาวน์โหลดฟรี เพื่อใช้หารุ่นที่คุณต้องการได้ง่ายขึ้น
วิธีการเลือก Clamp Meter
การเลือก Clamp Meter ให้เหมาะสมกับงานนั้นสิ่งที่ควรคำนึงถึงนั้นคืออุปกรณ์ที่เราจะเลือกใช้นั้นมีดังต่อไปนี้
คุณภาพและการรับรองมาตรฐานต่างๆ
คุณภาพและการรับรองมาตรฐานต่างๆ หรือไม่ มาตรฐานความปลอดภัยของเครื่องมือวัดไฟฟ้า (Measurement Categories: CAT) ก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องดู มาตรฐานความปลอดภัยจะแบ่งตามประเภทการวัด ซึ่งมาตรฐานที่ใช้ในเครื่องมือนี้จะมีด้วยกัน 3 ประเภท คือ CAT II, CAT III, CAT IV และมาตรฐานความปลอดภัยจะระบุเป็นแรงดันไฟฟ้าสูงสุดที่เครื่องมือวัดทนได้ โดยไม่เกิดความเสียหายให้กับเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ถูกวัด
CAT II (Category II)
เป็นการวัดแรงดันจากอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เช่น โทรทัศน์, คอมพิวเตอร์, ปลั๊กไฟ เป็นต้น
CAT III (Category III)
เป็นการวัดแรงดันระดับสายส่งไฟฟ้าในอาคาร เช่น แผงควบคุมไฟฟ้า, เบรกเกอร์, สายเคเบิ้ล เป็นต้น
CAT IV (Category IV)
เป็นการวัดแรงดันระดับสายส่งไฟฟ้านอกอาคาร เป็นจุดที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันหลัก
ภาพแสดงมาตรฐานความปลอดภัยของเครื่องมือวัดไฟฟ้า
ภาพอุปกรณ์ที่แสดงถึงมาตรฐานความปลอดภัยของเครื่องมือวัด
Resolution และ Accuracy
ค่าความละเอียดและความแม่นยำก็เป็นอีกค่าหนึ่งที่เราควรให้ความสำคัญเพราะการที่จะดูว่าอุปกรณ์นั้นมีความแม่นยำและเที่ยงตรงในการวัดมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับค่าเหล่านี้ ซึ่งความหมายของสัญลักษณ์ที่จำเป็นต่อการเลือกใช้ Clamp Meter ได้แก่
ตัวอย่างการคำนวณค่าความคลาดเคลื่อน
Accuracy specification: ±0.2% rdg.±0.1% f.s. Measurement range: 300.00V Measured value: 100.00V
แสดงว่า Reading error (±%rdg.): ±0.2%ของค่าที่วัด: ±0.2%ของ 100.0V = ±0.20V
Full-scale error (±%f.s.): ±0.1%ของ 300.0V = ±0.30V
ค่าความคลาดเคลื่อนทั้งหมด ±0.20V + ±0.30V = ±0.50V
ดังนั้นขอบเขตค่าความคลาดเคลื่อนของอุปกรณ์นี้ที่วัดค่าได้ 100.0V นั้นมีค่าเท่ากับ 99.50V – 100.50V
ควรเลือก Clamp Meter มีฟังก์ชันการทำงานพื้นฐาน
ควรเลือก Clamp Meter ที่อย่างน้อยมีฟังก์ชันการทำงานพื้นฐานที่สามารถวัดค่าต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการวัดแรงดัน/กระแส ที่สามารถวัดได้ทั้งไฟฟ้ากระแสตรง (DC) และไฟฟ้ากระแสสลับ (AC), วัดความต้านทาน, วัดไดโอด, วัดคาปาซิเตอร์ ได้ อีกอย่างหนึ่งที่ควรคำนึงนั้นคือ การมีหน้าจอแสดงผลที่มีคุณภาพ มีไฟแสดงหน้าจอ เพราะหากมีการนำไปใช้งานในที่ๆ แสงสว่างไม่เพียงพอเราจะได้อ่านค่าได้ชัดเจน
TRUE RMS หรือ MEAN
ดูว่าในการใช้งานของเรานั้นโดยส่วนใหญ่แล้วเป็นการวัดอุปกรณ์ที่เกิดสัญญาณฮาร์มอนิกหรือไม่ แต่เราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ากระแสที่วัดนั้นจะมีสัญญาณฮาร์มอนิกอยู่หรือไม่ ทางที่ดีเพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำควรเลือกแบบ TRUE RMS ดีกว่า ซึ่งทำให้เรามั่นใจถึงค่าที่วัดออกมาว่ามีความแม่นยำอย่างแน่นอน
มีฟังก์ชันที่สามารถเชื่อมต่อข้อมูล
ควรมีฟังก์ชันที่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลหรือเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ในคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ได้เพื่อนำข้อมูลนั้นไปใช้งานต่อหรือทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ Clamp Meter ของ FLUKE นั้นสามารถเชื่อมโยงข้อมูล อ่านค่า ได้ผ่านหน้าจอมือถือหรือโดยผ่านระบบ FLUKE Connect ส่วน Clamp Meter ของ HIOKI สามารถเชื่อมต่อข้อมูล อ่านค่า ไปยังมือถือหรือแท็บแล็ตโดยผ่านทางระบบ Bluetooth
ภาพแสดงการเชื่อมโยงข้อมูล อ่านค่า ผ่านระบบ Bluetooth
ขนาดของปากแคลมป์ JAW Dimension
ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการเลือก Clamp Meter เลยทีเดียว เพราะหากเราเลือก Clamp Meter ที่มีขนาดเล็กเกินไปอาจทำให้ค่าที่วัดไม่มีความแม่นยำได้เนื่องจากเวลาเราทำการวัดโดยใช้ Clamp นั้นเราจะให้สายไฟอยู่บริเวณกึ่งกลางของแคลป์พอดี หากเลือกแคลมป์ที่มีขนาดเล็กเกินเวลาทำการวัดตัวสายไฟกับปากแคลมป์อาจติดกันเกินไปค่าที่ออกมานั้นไม่แม่นยำ
อายุการใช้งานของ Battery
ควรเลือกที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานเราจะได้ไม่ต้องมากังวลในการเปลี่ยน Battery
ควรทำการเปรียบเทียบสเปคต่างๆ ของแต่ละรุ่น
เพื่อเราจะได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุด คุ้มค่ากับเงินที่เราจ่ายไปมากที่สุด สิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงคือเราควรรู้ความต้องการของตัวเองและการใช้งานว่าเราเหมาะกับแบบไหนเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียส่วนต่างในการจ่ายไปกับฟังก์ชันที่เราไม่ได้ใช้
ภาพตารางเปรียบเทียบข้อมูลของ Clamp Meter ในแต่ละรุ่นของ FLUKE
แบรนด์ที่จำหน่าย
ในท้องตลาดมีแบรนด์ที่ทำ Clamp Meter ออกมาให้ผู้ใช้ได้เลือกหลากหลายแบรนด์ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีข้อดีแตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น
FLUKE
เป็นแบรนด์ชั้นนำในด้านอุปกรณ์ทดสอบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งสินค้าของ FLUKE นั้นมีการออกแบบมาให้มีขนาดที่เล็กกะทัดรัด เหมาะแก่การพกพาไปใช้งานในที่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย และยังมีความคงทนแข็งแรง ปลอดภัยในการใช้งาน และได้การรับรองมาตราฐานและผ่านการทดสอบต่างๆ มากมาย สามารถเชื่อมต่อข้อมูลเพื่อส่งไปยังคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว
ภาพ Clamp Meter รุ่น Clamp 325 ของ FLUKE
HIOKI
แบรนด์จากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องมือวัดและทดสอบทางไฟฟ้าระดับโลกถือว่าเป็นอีกแบรนด์ที่มีคุณภาพ อุปกรณ์มีความคงทนแข็งแรงผ่านการทดสอบต่างๆ เช่น สามารถทนต่อการตกหล่นได้ในระดับความสูงถึง 1 เมตร ทนต่ออุณหภูมิได้ดี สามารถกันน้ำกันฝุ่นโดยได้รับการการันตรีจากการรับรองมาตราฐาน IP54 นอกจากคุณภาพที่ดีแล้วทาง HIOKI ได้มีฟังก์ชันการใช้งานที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองต่อผู้ใช้งาน
ภาพ Clamp Meter รุ่น CM4374 ของ HIOKI
CHAUVIN ARNOUX
ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ การผลิตและการตลาดเครื่องมือวัด Clamp Meter ของ CHAUVIN ARNOUX มี Adapter Function ซึ่งถือว่าเป็นฟังก์ชันหนึ่งที่ขยายขีดความสามารถให้กับ Clamp Meter มากยิ่งขึ้นโดยสามารถใช้โพรบวัดแสง, อุณหภูมิ I/R, วัดความเร็วรอบ และอื่นๆ อีกมากมาย
ภาพ Clamp Meter รุ่น F603 ของ CHAUVIN ARNOUX
เมื่อเรารู้หลักการเลือกที่ถูกต้องแล้วเวลาเราเลือกซื้อก็อย่าลืมดูตามที่บอกนะครับ เพื่อทุกท่านจะได้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด คุ้มที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากท่านใดต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หลักการทำงานของ Clamp Meter, ประเภทของ Clamp Meter และการใช้งาน Clamp Meter ทุกท่านสามารถเข้าไปเลือกศึกษาได้เลยครับ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถสอบถามเข้ามาได้ทุกช่องทางการติดต่อ ทางทีม Factomart ทุกคนยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะคอยให้คำปรึกษาแก่ทุกท่านครับผม
หากคุณสนใจสินค้า สามารถเข้าไป ดูและเลือกซื้อ Clamp Meter ได้ที่หน้าเว็บออนไลน์ของเรา มีสินค้าหากหลายรุ่น จากแบรนด์ดังให้เลือกมากมาย ถ้าคุณมีข้อสงสัยหรืออยากสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า สามารถแชทมาหาเราได้ทันทีจากช่องแชทด้านล่างขวามือ หรือส่งเมลล์มาที่ [email protected] หรือผ่าน Line ที่ @factomart และเบอร์โทร 021-050-567 ได้หลากหลายช่องทาง มีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำตลอดเวลาทำการ