เลือกให้ถูก ใช้ให้เป็นกับ Insulation Tester

วันนี้เรามาพร้อมกับบทความดีๆ อีกเช่นเคย วันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการดูรายละเอียดต่างๆ ก่อนการเลือกซื้ออุปกรณ์ทดสอบความเป็นฉนวนหรือ Insulation Tester กันครับ

คุณสามารถเข้าไปอ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ ศูนย์รวมข้อมูลเกี่ยวกับ Insulation & Megaohm Testers ในหน้านี้จะรวมรวบบทความที่น่าสนใจไว้มากมาย โดยบทความทั้งหมดคุณสามารถเข้าไปอ่านได้เลย และสามารถดาวน์โหลดเนื้อหาทั้งหมดในรูปแบบไฟล์ PDF ได้ฟรีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีหน้าแคตตาล็อกสินค้าให้คุณเข้าไปดาวน์โหลดฟรี เพื่อใช้หารุ่นที่คุณต้องการได้ง่ายขึ้น

วิธีการเลือก Insulation tester (เมกะโอห์มมิเตอร์)

อุปกรณ์ที่เราใช้งานกันไม่ว่าจะเป็น สายไฟ, มอเตอร์, หม้อแปลง, เบรกเกอร์ อุปกรณ์เหล่านี้เป็นอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้า ซึ่งอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้าคือเป็นวัสดุที่สามารถกีดกั้นหรือขัดขวางการไหลของกระแสไฟฟ้าหรือวัสดุที่ไฟฟ้าไม่สามารถไหลผ่านไปได้ ในการใช้งานจริงอุปกรณ์ต่างๆ จะเผชิญกับสภาวะต่างๆ เช่น อุณหภูมิ, ฝุ่นละออง, ความชื้น

ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าความต้านทานฉนวนเกิดการเสื่อมสภาพลง และถ้าหากอุปกรณ์เกิดการเสื่อมสภาพอาจทำให้เกิดปัญหา ไฟรั่ว ไฟฟ้าลัดวงจรได้ ดังนั้นการวัดค่าความเป็นฉนวนของอุปกรณ์นั้นถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก Insulation Tester จึงเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในงานไฟฟ้า

การใช้อุปกรณ์ได้เหมาะสมกับงานที่ทำจะช่วยทำให้ค่าที่ออกมานั้นมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นเรามาดูรายละเอียดกันว่าถ้าจะเลือกซื้อเครื่องทดสอบความเป็นฉนวน Insulation Tester สักเครื่องหนึ่งให้เหมาะสมกับงานที่เราจะนำไปใช้ ควรดูรายละเอียดอะไรบ้าง

Output voltage (DC)

Output voltage (DC) หรือ DC Test Voltage เป็นแรงดันที่ใช้ในการทดสอบ ถือว่าเป็นค่าที่สำคัญมาก เพราะในการวัดค่าความต้านทานฉนวนสิ่งที่ต้องเลือกและต้องเลือกให้เหมาะสมกับค่าที่ต้องการทดสอบนั้นคือแรงดันนี้ โดยทั่วไปจะเลือกค่าแรงดันทดสอบอยู่ที่ประมาณ 2 เท่า ของแรงดันปกติที่ใช้งาน เช่น หากแรงดันปกติที่ใช้งานของอุปกรณ์นั้นอยู่ที่ 220V ก็ควรเลือกแรงดันทดสอบที่ 500V

Accuracy

ค่าความแม่นยำ ซึ่งอุปกรณ์เครื่องวัดจะมีความน่าเชื่อถือหรือมีความแม่นยำมากน้อยแค่ไหนจะขึ้นอยู่กับค่านี้ สัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

  • rdg. (reading value): ค่าจริงที่วัดได้
  • dgt. (digit): ความละเอียดในการอ่านค่า

Measurement Range

ควรดูย่านหรือช่วงของค่าความเป็นฉนวนที่เราจะทำการวัด ซึ่งสามารถเลือกได้หลากหลายค่า เช่น 100 MΩ, 250 MΩ, 500 MΩ, 2000 MΩ

ภาพแสดงรายละเอียดของ Insulation Tester

Measurement Categories (CAT)

มาตรฐานความปลอดภัยของเครื่องมือวัดไฟฟ้า ซึ่งเราควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานตามประเภทของการใช้งาน โดย CAT แบ่งประเภทการวัด ดังนี้

  • CAT II (Category II) เป็นการวัดแรงดันจากอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เช่น โทรทัศน์, คอมพิวเตอร์, ปลั๊กไฟ เป็นต้น
  • CAT III (Category III) เป็นการวัดแรงดันระดับสายส่งไฟฟ้าในอาคาร เช่น แผงควบคุมไฟฟ้า, เบรกเกอร์, สายเคเบิ้ล เป็นต้น
  • CAT IV (Category IV) เป็นการวัดแรงดันระดับสายส่งไฟฟ้านอกอาคาร เป็นจุดที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันหลัก

มาตรฐานความปลอดภัยของเครื่องวัดไฟฟ้าระบุเป็นแรงดันไฟฟ้าสูงสุดที่เครื่องมือวัดทนทานได้โดยไม่เกิดความเสียหายให้กับเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ถูกวัด เช่น CAT III 300V

นอกจากมาตรฐานความปลอดภัยของเครื่องมือวัดแล้วนั้น ในการใช้งานอุปกรณ์ในงานอุตสาหกรรมมักจะพบเจอกับสภาวะฝุ่นละออง ความชื้น มากกว่าปกติ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและเพื่อการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ ปัจจุบันอุปกรณ์ส่วนใหญ่มักจะออกแบบมาให้รองรับมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น (IP) นี้ ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายระดับ

ฟังก์ชั่น

นอกจากการใช้งานเพื่อวัดค่าความเป็นฉนวนแล้วนั้น ในปัจจุบันทางผู้ผลิตได้มีการออกแบบและพัฒนาสินค้าให้มีความสามารถในการใช้งานมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อการใช้งานของลูกค้าเองและเพื่อสร้างจุดเด่นให้แก่สินค้าทำให้เป็นที่สนใจของลูกค้ามากขึ้น ดังนั้นเราในฐานะผู้ใช้งานควรศึกษาและดูรายละเอียดฟังก์ชันเสริมต่างๆ ว่าของรุ่นไหน แบรนด์ใด เหมาะกับการใช้งานของเรามากที่สุด เพื่อที่เวลาเราลงทุนซื้ออุปกรณ์ไปแล้วจะได้นำไปใช้งานได้คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไป

ภาพแสดงรายละเอียดของ Insulation Tester

แบรนด์ในท้องตลาด

ซึ่งแบรนด์ในท้องตลาดที่มีชื่อเสียงทางด้าน Insulation Tester ก็มีอยู่มากมาย ได้แก่ HIOKI, KEYSIGHT, KYORITSU, FLUKE เป็นต้น ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็ได้ผลิตสินค้าออกมาได้มีประสิทธิภาพเหมือนๆ กัน แต่จะมีความแตกต่างกันตรงสเปคและความโดดเด่นของฟังก์ชันเสริมที่มีให้ในแต่ละรุ่น ตัวอย่างเช่น

HIGH VOLTAGE INSULATION TESTER รุ่น IR3455 ของ HIOKI

รุ่นนี้มีความโดดเด่นในเรื่องของแรงดันทดสอบที่มีค่าสูงถึง 5kV ซึ่งสามารถวัดค่าของอุปกรณ์แรงดันสูง เช่น หม้อแปลง มอเตอร์ ได้อย่างสบาย ค่าความต้านทานฉนวนสามารถวัดได้ถึง 10TΩ

ภาพ HIGH VOLTAGE INSULATION TESTER รุ่น IR3455 ของ HIOKI

สามารถใช้งานในอุณหภูมิตั้งแต่ -10 – 50C∘ ถูกออกแบบมาให้มีความง่ายในการใช้งานและมีความปลอดภัยสูง ซึ่งได้รับมาตรฐานความปลอดภัย CAT IV 600V มี Data memory function สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้ตามที่ต้องการ

สามารถคำนวณค่า Polarization Index (PI) และ Dielectric Absorption Ratio (DAR) ได้อัตโนมัติ ช่วยประหยัดเวลาในการทำงานได้อย่างดี

  • Dielectric Absorption Ratio (DAR) อัตราส่วนของค่าความต้านทานที่เวลา 60 วินาทีกับ 30 วินาที ถ้าฉนวนดีค่าความต้านทานที่วัดได้จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อัตราส่วนที่ได้จึงสูงกว่า เป็นวิธีหนึ่งในการประเมินสภาพของฉนวน
  • Polarization Index (PI) อัตราส่วนของค่าความต้านทานที่เวลา 10 นาทีกับ 1 นาที สามารถหาคุณภาพของฉนวนได้ วิธีนี้เป็นที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวาง ใน IEEE 43-2000

ตารางดูคุณภาพของฉนวนจากค่า DAR และ PI

Digital Insulation/Continuity Tester รุ่น 3007A ของ KYORITSU

มีช่วงแรงดันทดสอบให้เลือกหลายค่า 250V, 500V, 1000V มี Bargraph ที่ใช้แสดงค่าความต้านทานฉนวน มี Auto null function เพื่อลดความต้านทานในสายวัดก่อนที่จะใช้วัดค่าความต่อเนื่อง มีฟังก์ชันคายประจุอัตโนมัติ จะคายประจุอัตโนมัติเพียงแค่ปล่อยปุ่ม Test ทำให้มีความปลอดภัยในการใช้งานมากขึ้น มีกระแสต่ำสุดที่ใช้ในการวัดค่าฉนวนอยู่ที่ 1mA และมีกระแสในการวัดความต่อเนื่อง 200mA ตามมาตรฐาน IEC 61557

ภาพ Digital Insulation/Continuity Tester รุ่น 3007A ของ KYORITSU

นอกจากนี้ทาง Factomart.com ยังได้จัดทำเนื้อหาที่เกี่ยวกับหลักการทำงาน, ประเภทต่างๆ ที่ใช้กันในปัจจุบัน, การใช้งานเบื้องต้น, เทคนิคและข้อควรระวังในการใช้ สามารถเข้าไปเลือกศึกษาได้เลยนะครับ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมหรือต้องการเลือกชมสินค้าสามารถเข้ามาได้ที่ Factomart.com ได้เลยครับ

หากคุณสนใจสินค้า สามารถเข้าไป ดูและเลือกซื้อ Power Quality Analyzer ได้ที่หน้าเว็บออนไลน์ของเรา มีสินค้าหากหลายรุ่น จากแบรนด์ดังให้เลือกมากมาย ถ้าคุณมีข้อสงสัยหรืออยากสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า สามารถแชทมาหาเราได้ทันทีจากช่องแชทด้านล่างขวามือ หรือส่งเมลล์มาที่ [email protected] หรือผ่าน Line ที่ @factomart และเบอร์โทร 021-050-567 ได้หลากหลายช่องทาง มีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำตลอดเวลาทำการ

Facebook Comments