สวัสดีครับ ^^ บล็อก my.Factomart.com ยินดีต้อนรับครับผม วันนี้เราจะพาทุกท่านมาดูวิธีการเลือกซื้อ Industrial Wireless ว่าก่อนที่เราจะทำการเลือกซื้อนั้น เราควรดูรายละเอียดอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยครับ>>>>
วิธีการเลือก Industrial Wireless Network
ความเร็วในการรับส่งข้อมูล: ความเร็วบนเครือข่ายไร้สาย จะขึ้นอยู่กับ
- มาตรฐานเครือข่ายที่เลือกนำมาใช้
- ระยะทาง ถ้าระยะทางระหว่างโหนดกับแอกเซสพอยต์อยู่ไกลกันหรืออยู่นอกขอบเขตรัศมีของสัญญาณ อาจทำให้การรับส่งสัญญาณช้าหรืออาจจะไม่สามารถรับได้เลย
- การถูกรบกวนจากสัญญาณต่างๆ เช่น คลื่นสัญญาณแม่เหล็ก คลื่นสัญญาณวิทยุ เป็นต้น
รูปแบบการเชื่อมต่อข้อมูล: รูปแบบการเชื่อมต่อข้อมูลของเครือข่ายไร้สายนั้นก็มีให้เลือกหลายแบบแต่ละแบบก็จะเหมาะกับงานที่แตกต่างกันออกไป ที่ใช้งานกันแพร่หลายจะมีรูปแบบการเชื่อมต่อแบบ ad-hoc mode และ Infrastructure mode
มาตรฐาน: มาตรฐานของระบบเครือข่ายไร้สายจะอยู่ภายใต้ IEEE ซึ่งทาง IEEE นั้นก็ได้กำหนดมาตรฐานไว้หลายมาตรฐานแต่ละมาตรฐานก็จะมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่ต่างกัน
ตัวอย่างเช่น หากต้องการความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดที่ 54 Mbps ใช้งานในย่านความถี่ 2.4 GHz ดังนั้นเราควรเลืออุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน IEEE802.11g
ปัจจุบันได้มีการออกแบบและพัฒนาสินค้าให้มีความสามารถมากกว่าแต่ก่อนเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า เช่น MOXA ได้ออกแบบ AWK-5232-RCC Series ให้สามารถใช้งานในย่านความถี่ 2.4 GHz และ/หรือ 5 GHz ทำให้สามารถใช้งานได้กว้างยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยี MIMO (Multiple-Input Multiple-Output) ซึ่งเป็นเทคนิคการใช้เสาอากาศหลายต้นในการรับส่งสัญญาณบนอุปกรณ์แอกเซสพอยต์
ภาพรายละเอียด Industrial Wireless รุ่น AWK-5232-RCC ของ MOXA
เทคโนโลยีในการรับส่งสัญญาณของระบบเครือข่ายไร้สายนั้นนอกจาก MIMO แล้ว ยังมีอย่างอื่นอีก ซึ่งสามารถแบ่งประเภทการรับส่งสัญญาณได้ 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่ใช้สัญญาณคลื่นความถี่วิทยุที่ และประเภทที่ใช้สัญญาณอินฟราเรดในการติดต่อรับส่งข้อมูล เช่น
ประเภทที่ใช้สัญญาณคลื่นความถี่วิทยุ
– Narrow Band Technology เป็นระบบวิทยุแบบความถี่แคบ เป็นการรับส่งความถี่ 902 MHz ถึง 928 MHz, 2.14 MHz ถึง 2.484 และ 5.725 MHz ถึง 5.850 MHz สัญญาณจะมีกำลังต่ำ ใช้ในการรับ-ส่งข้อมูลระหว่างต้นทางกับปลายทางเพียง 1 คู่เท่านั้น
– Spread Spectrum Technology ระบบเครือข่ายไร้สายส่วนใหญ่นิยมใช้เทคนิค Spread Spectrum Technology ซึ่งใช้ความถี่ที่กว้างกว่า Narrow Band Technology ซึ่ง Spread Spectrum คือ ช่วงความถี่ระหว่าง 902-928 MHz และ 2.4-2.484 GHz โดยการส่งสัญญาณเทคนิค Spread Spectrum จะแบ่งได้เป็น 2 แบบคือ Direct Sequence และ Frequency-HoppingDirect Sequence Spread
– Spectrum (DSSS) Direct Sequence Spread Spectrum เป็นเทคนิคที่ใช้คลื่นพาหะที่ต้องระบุความถี่ที่ใช้ โดยสามารถส่งข้อมูลได้มากกว่าแบบ Narrow Band วิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีการรบกวนจากคลื่นวิทยุ
– Frequency – Hopping Spread Spectrum (FHSS) การส่งสัญญาณรูปแบบนี้จะใช้ความถี่แคบพาหะเพียงความถี่เดียว (Narrow Band) โดยเน้นการนำไปใช้งาน ถ้าคำนึงถึงปัญหาทางด้านประสิทธิภาพและคลื่นรบกวนก็ควรใช้ วิธี DSSS แต่ถ้าต้องการใช้ Adapter ไร้สายขนาดเล็กและราคาไม่แพงสำหรับเครื่อง Notebook หรือเครื่อง PDA ก็ควรเลือกแบบ FHSS
– Orthogonal Frequency Division Multiplex (OFDM) การส่งสัญญาณคลื่นวิทยุแบบนี้เป็นการ Multiplex สัญญาณ โดยช่องสัญญาณความถี่จะถูกแบ่งออกเป็นความถี่พาหะย่อย (subcarrier) หลาย ๆ ความถี่ โดยแต่ละความถี่พาหะย่อยจะตั้งฉากซึ่งกันและกัน ทำให้เป็นอิสระต่อกัน ความถี่ที่คลื่นพาหะที่ตั้งฉากกันนั้นทำให้ไม่มีปัญหาการซ้อนทับของสัญญาณที่อยู่ติดกัน
– Infrared Technology ลำแสงอินฟราเรด (Infrared : IR) ถูกนำมาใช้เพื่อการสื่อสารที่ใช้ในระยะใกล้ คุณสมบัติเด่นของคลื่นชนิดนี้คือ เดินทางเป็นแนวตรง ราคาถูก แต่มีข้อเสียตรงที่ไม่สามารถเดินทางผ่านวัตถุหรือสิ่งกีดขวางได้
– ช่วงอุณหภูมิในการใช้งาน (Operating Temp.): อุปกรณ์ต่างๆ ที่เรานำมาใช้งานนั้นเราควรจะรู้ถึงขีดจำกัดความสามารถของอุปกรณ์นั้นๆ อุณหภูมิในการใช้งานก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะเป็นมาก หากอุปกรณ์ที่ใช้มีอุณหภูมิเกินกว่าขีดจำกัดของอุปกรณ์ที่จะสามารถรับได้ จะส่งผลให้อุปกรณ์ของคุณนั้นเกิดความเสียหายได้
– Access Point (AP): เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เป็นจุดรับส่งสัญญาณของเครือข่ายไร้สาย เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายทุกชนิดเข้าด้วยกัน โดยอุปกรณ์นี้จะมีโหมดการทำงานที่จะช่วยให้เครือข่ายไร้สายทำงานได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งแต่ละโหมดจะมีหน้าที่แตกต่างกัน ตัวอย่างโหมดการทำงานของ AP
Access Point Mode โหมดนี้เป็นโหมดพื้นฐานของ AP เหมาะกับการใช้งานในเครือข่ายไร้สายที่ไม่ใหญ่มาก สามารถตั้งค่าความปลอดภัยได้หลายระดับ ตั้งแต่ป้องกันด้วยรหัสผ่านบนมาตรฐาน WEP หรือ WPA หรือป้องกันด้วยการกรอง MAC เพื่อการเชื่อมต่ออินเตอร์ในแต่ละครั้ง
ระบบความปลอดภัยไร้สายบนเครือข่ายไร้สาย (Wireless Networking Security) เป็นระบบป้องกันพื้นฐานที่สามารถเข้าไปตั้งค่าเพิ่มเติมที่ตัวแอกเซสพอยต์ได้ ซึ่งเกี่ยวกับการตั้งค่าดังต่อไปนี้
– ชื่อเครือข่าย (Service Set Identification: SSID) เมื่อเครื่องลูกข่ายต้องการทำการเชื่อมต่อจะต้องกำหนดชื่อ SSID ให้ตรงกันก่อนถึงจะสามารถเข้าถึงเครือข่ายไร้สายได้
– การกลั่นกรองหมายเลขแมคแอดเดรส (MAC Address Filtering) วิธีนี้จะช่วยกลั่นกรองเฉพาะบุคคลที่ได้รับการอนุญาตให้เข้าถึงเครือข่ายได้
– การเข้ารหัสลับ (Encryption) เป็นวิธีการจัดการระบบความปลอดภัยขั้นสูง ซึ่งการเข้ารหัสมี 2 วิธี คือ Wire Equivalency Privacy (WEP) การเข้ารหัสแบบนี้จะใช้อัลกอริทึมในการเข้ารหัสลับขนาด 64 บิต และปัจจุบันได้มีถึง 128 บิต และการเข้ารหัสอีกรูปแบบหนึ่งคือ Wi-Fi Protected Access (WPA) เป็นการเข้ารหัสแบบไดนามิก (Dynamic Encryption) จะแตกต่างจากวิธี WEP โดยกุญแจ (รหัสคีย์) จะออกให้ต่อคนต่อเซสชั่น
- Client Mode โหมดนี้ AP จะทำหน้าที่เป็นตัวลูกข่ายและเชื่อมต่อผ่านทางสัญญาณไร้สายกับ AP เท่านั้น โดยจะไม่สามารถกระจายสัญญาณไร้สายไปยังอุปกรณ์ชิ้นอื่นๆ ได้
- Repeater Mode ทำหน้าที่รับสัญญาณไร้สายมาเพื่อกระจายต่อ โดยระบบเครือข่ายสำหรับการเชื่อมต่อในลักษณะนี้ ต้องอยู่ในวงแลนเดียวกันเท่านั้น
- Bridge Mode ทำหน้าที่เป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างวงแลนเข้าหากัน ทำให้วงแลน 2 วง ที่ต่างคนต่างทำงานสามารถเชื่อมต่อเข้าหากันได้ และต่างก็สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ของอีกวงแลนหนึ่งได้
Industrial Wireless รุ่น APN-210N ของ ANTAIRA นั้นเป็นรุ่นที่มีโหมดการทำงานแบบ Access Point/Bridge/Repeater มีความเร็วในการรับส่งสัญญาณถึง 150 Mbps รองรับมาตรฐาน IEEE802.11b/g/n นอกจากนั้นรุ่นนี้ยังออกแบบมาให้ทนต่อการรบกวนจากสัญญาณต่างๆ ได้อย่างดี
ภาพรายละเอียด Industrial Wireless รุ่น APN-210N ของ ANTAIRA
เป็นอย่างไรบ้างครับกับวิธีการเลือกซื้อ Industrial Wireless หากผู้อ่านท่านใดมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถสอบถามเข้ามาได้นะครับ หรือหากต้องการศึกษาเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็น รูปแบบการเชื่อมต่อ, มาตรฐาน IEEE, การติดตั้ง, การประยุกต์ใช้งาน สามารถเข้าไปเลือกศึกษาได้เลยครับผม หรือท่านใดต้องการเลือกซื้อสินค้าสามารถเข้ามาได้ที่ Factomart.com