ปกติทั่วไปแล้วคนส่วนใหญ่มักจะเลือกตัว Soft starter ให้มีขนาดเท่ากับตัวมอเตอร์ที่ต้องการใช้งาน แต่ในบางกรณีนั้นจำเป็นที่จะต้องเลือกตัว Soft start ที่มีขนาดใหญ่กว่าขนาดของมอเตอร์ เพื่อให้สามารสตาร์ทมอเตอร์ได้อย่างไม่มีปัญหา และยืดอายุการใช้งานตัว ซอฟสตาร์ท เช่น การใช้งานกับมอเตอร์ที่มีโหลดหนักๆ หรือ High moment of initial และโหลดที่มีค่า Breaking capacity สูงๆ รวมถึงงานที่จำเป็นต้อง Start หรือ Stop มอเตอร์หลานครั้งใน 1 ชั่วโมง
คุณสามารถเข้าไปอ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ ศูนย์รวมข้อมูลเกี่ยวกับ ซอฟสตาร์ท (Soft Starter) ในหน้านี้จะรวมรวบบทความที่น่าสนใจไว้มากมาย โดยบทความทั้งหมดคุณสามารถเข้าไปอ่านได้เลย และสามารถดาวน์โหลดเนื้อหาทั้งหมดในรูปแบบไฟล์ PDF ได้ฟรีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีหน้าแคตตาล็อกสินค้าให้คุณเข้าไปดาวน์โหลดฟรี เพื่อใช้หารุ่นที่คุณต้องการได้ง่ายขึ้น
แนวทางในการเลือกขนาดของ Soft Starter
Normal Start |
Heavy duty start |
ปั้มลม ปั้มน้ำ เครื่องอัดอากาศ |
พัดลมระบายอากาศ |
สายพานลำเลียงแบบสั้น |
สายพานลำเลียงแบบยาว |
ลิฟท์ และ บันไดเลื่อน | เครื่องบด เครื่องขัด เครื่องสี เครื่องผสม |
- Start น้อยกว่า 10 ครั้ง ต่อ ชั่วโมง
- Normal start : สามารถเลือก Softstart ให้มีพิกัดเท่ากับมอเตอร์ได้เลย และสำหรับรุ่นที่มี Over Load ในตัว ควรเลือก Trip class 10
- Heavy duty start : จำเป็นต้องเลือก Softstart ให้มีพิกัดมากกว่ามอเตอร์ 1 ขนาด และสำหรับรุ่นที่มี Over Load ในตัว ควรเลือก Trip class 30
- Start มากกว่า 10 ครั้ง ต่อ ชั่วโมง
- Normal start : จำเป็นต้องเลือก Softstart ให้มีพิกัดมากกว่ามอเตอร์ 1 ขนาด และสำหรับรุ่นที่มี Over Load ในตัว ควรเลือก Trip class 10
- Heavy duty start : จำเป็นต้องเลือก Softstart ให้มีพิกัดมากกว่ามอเตอร์ 2 ขนาด และสำหรับรุ่นที่มี Over Load ในตัว ควรเลือก Trip class 30
สภาวะแวดล้อมในการใช้งานซอฟสตาร์ท (Soft Start)
อุณหภูมิสภาวะแวดล้อมโดยเฉลี่ยรอบๆ ตัว Soft start นั้นเราสามารถดูได้โดยการเก็บค่าอุณหภูมิเป็นช่วงๆ ซึ่งแต่ละช่วงมีระยะเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานตัว Soft start นั้น ไม่ควรเกิน 40 °C ซึ่งอุณหภูมิที่อยู่ในช่วงนี้จะไม่ส่งผลกระทบทำให้ตัว Soft start ใช้งานกับมอเตอร์ได้เล็กลง ซึ่งเป็นผลมาจากการนำกระแสได้น้อยลงของตัว Semiconductor ที่อยู่ภายในตัว Soft start ทำให้ไม่สามารถขับ Motor ที่ใช้กระแสตามคุณสมบัติของ Soft start ได้
เราสามารถคำนวณหาค่าพิกัดกระแสของ soft start ที่ลดลงอันเนื่องมาจากอุณหภูมิที่ลดลงได้ตามสมการด้านล่างนี้
Ie derated = Ie – (ΔT * Ie * 0.008)
Ie derated = กระแสสูงสุดที่สามารถใช้ได้เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนไปตาม ΔT
Ie = กระแสสูงสุดตามพิกัดของ Softstart
ΔT = อุณหภูมิใช้งานจริง – อุณหภูมิสูงสุดที่ Softstart ทำงานได้
0.008 = derated factor
ตัวอย่าง Soft start มี Rated current: 105 A อุณหภูมิที่ใช้งาน Ambient temperature: 48 °C มีค่า Derating 0.8 % ต่อ 1°C เมื่ออุณหภูมิสูงกว่า 40 °C
ΔT = 48-40°C = 8°C
New current = Ie – (∆ T x Ie x 0.008) = 105 – (8 x 105 x 0.008) = 98.2 A
ซึ่งจากตัวอย่างด้านบน ตัว Soft start ตัวนี้จะสามารถใช้งานกับมอเตอร์ที่มีกระแสได้ไม่เกิน 98.2A เมื่ออุณหภูมิใช้งาน 48°C แทนที่จากเดิมเคยใช้งานได้ที่ 105A ที่อุณหภูมิใช้งาน 40°C
จำนวนครั้งในการสตาร์ทมอเตอร์ต่อชั่วโมง
ปัจจัยที่มีผลต่อจำนวนครั้งในการใช้งานตัว Softstart ต่อชั่วโมงนั้น ขึ้ยอยู่กับหลายปัจจัย เช่น กระแสในการ Start อุณหภูมิสภาวะแวดล้อม เวลาในการ Start และ Intemittens factor
Intemittens factor นั้นเป็นสัดส่วนของระยะเวลาในการ Start และ Run Motor ในแต่ละ Cycle ซึ่งถ้ามีระยะเวลาสั้น ก็จะทำให้มีเวลาช่วง Off เพื่อให้ตัว Softstart สามารถระบายความร้อนได้นานขึ้น เราสามารถหาค่า Intemittens factor ได้จากสมการจากรูปด้านล่างนี้
ในบทความนี้เราได้พูดถึงแนวทางในการเลือก Soft Starter โดยเฉพาะกรณีที่จำเป็นต้องใช้ Soft Starter ขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าตัวมอเตอร์ จะเห็นว่าเรื่องที่ต้องรู้มีอยู่ 3 เรื่องหลักๆ ได้แก่ ขนาดของซอฟต์สตาร์ท สภาพแวดล้อมในการใช้งาน และจำนวนครั้งในการสตาร์ทต่อชั่วโมง ทั้งหมดนี้จะมีความสำคัญในการเลือกซอฟต์สตาร์ทไปใช้งานอย่างมาก ถ้ามีคำถามอะไรใส่ในคอมเม้นหรือแชทมาหาเราได้เลยครับ
หากคุณสนใจสินค้า สามารถเข้าไป ดูและเลือกซื้อ ซอฟต์สตาร์ท Soft Starter ได้ที่หน้าเว็บออนไลน์ของเรา มีสินค้าหากหลายรุ่น จากแบรนด์ดังให้เลือกมากมาย ถ้าคุณมีข้อสงสัยหรืออยากสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า สามารถแชทมาหาเราได้ทันทีจากช่องแชทด้านล่างขวามือ หรือส่งเมลล์มาที่ [email protected] หรือผ่าน Line ที่ @factomart และเบอร์โทร 021-050-567 ได้หลากหลายช่องทาง มีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำตลอดเวลาทำการ