สวัสดีครับ พบกันอีกครั้งกับบทความดีๆ ที่เกี่ยวกับอุปกรณ์อุตสาหกรรม สำหรับหัวข้อในวันนี้จะพูดถึงการเลือกใช้งาน Capacitive Proximity Sensor โดยเราจะคำนึงจากหลักการทำงานและคุณสมบัติพื้นทางต่างๆ เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาถึงความเหมาะสมในการเลือกใช้งานและมีปัจจัยใดที่ส่งผลต่อการทำงานที่เราจำเป็นต้องรู้
ยกตัวอย่างเช่น เราควรจะเลือกใช้ คาปาซิทีฟเซ็นเซอร์ แบบ Flush หรือ Non-Flush ในกรณีใดหรือเราควรใช้ขนาดของคาปาซิทีฟเซ็นเซอร์ ขนาดไหน ซึ่งท่านผู้อ่านสามารถศึกษาถึงรายละเอียดเพิ่มเติมได้ จากข้อมูลที่ทางเราได้เตรียมไว้ดังต่อไปนี้
คุณสามารถเข้าไปอ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ ศูนย์รวมข้อมูลเกี่ยวกับ Proximity Sensor พร้อกซิมิตี้ เซ็นเซอร์ และศูนย์รวมข้อมูล Capacitive Proximity Sensor คาปาซิทีฟ เซ็นเซอร์ ในหน้านี้จะรวมรวบบทความที่น่าสนใจไว้มากมาย โดยบทความทั้งหมดคุณสามารถเข้าไปอ่านได้เลย และสามารถดาวน์โหลดเนื้อหาทั้งหมดในรูปแบบไฟล์ PDF ได้ฟรีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีหน้าแคตตาล็อกสินค้าให้คุณเข้าไปดาวน์โหลดฟรี เพื่อใช้หารุ่นที่คุณต้องการได้ง่ายขึ้น
การเลือกใช้ Capacitive sensor แบบ Flush และ Non-Flush
จะเลือกใช้งานเซนเซอร์ แบบ Flush และ Non-Flush นั้น ขึ้นอยู่กับว่าลักษณะหน้างานนั้นเป็นแบบใด โดยสามารถสรุปได้ดังนี้
Flush-mounted capacitive sensor
Flush-mounted capacitive sensor ใช้สำหรับการตรวจจับชิ้นงานที่เป็น อโลหะ และ มีสถานะเป็นของแข็ง เช่น แผ่นเวเฟ่อ ตัวอุปกรณ์ แผ่นวงจรพิมพ์ PCB ในงานอิเล็กทรอนิกส์ กล่อง กระดาษ ขวด กระป๋อง พลาสติกตรวจจับของเหลวในภาชนะ ที่มีความหนาไม่เกิน 4mm. เช่น แก้ว พลาสติก
Non Flush-mounted capacitive sensor
Non Flush-mounted capacitive sensor เหมาะสำหรับงานตรวจจับระดับในถัง เช่น ฝุ่นผง หรือ ของเหลว ตัวอย่างเช่น น้ำตาล แป้ง ทราย น้ำมัน น้ำ
การเลือกขนาด มีผลต่อระยะการตรวจับของ Sensor (Housing size)
เรื่องของขนาดเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับระยะทางในการตรวจจับหรือ ค่า (Sn) โดยขนาดของเซ็นเซอร์ ที่นิยมนำมาใช้งานนั้น ส่วนมากจะมีการบอกขนาดเป็นหน่วย Metrix คือ M12x1, M18x1, M30 x1.5 ซึ่งเป็นรูปทรงกระบอกมีเกลียว โดยเซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่จะให้ค่า Sn ที่ไกลมากกว่าเซ็นเซอร์ที่มีขนาดเล็ก สำหรับเซ็นเซอร์ รูปทรงสี่เหลี่ยม ส่วนใหญ่แล้ว จะมีรูปร่างที่ไม่เป็นมาตรฐาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละผู้ผลิต

เลือกแบบสายหรือคอนเน็คเตอร์ แบบไหนดีกว่ากัน
การเลือกเซ็นเซอร์ประเภทที่มีสายในตัวหรือแบบใช้คอนเน็คเตอร์นั้น ชนิดของสายจะขึ้นอยู่กับพื้นที่ในการติดตั้งว่ามีสภาวะแวดล้อมเป็นแบบใด เช่น มีน้ำมันหรือสารระเหยที่มีผลต่อสายไฟ หรือไม่ โดยวัสดุมาตรฐานที่ใช้ทำสายไฟนั้น จะเป็นแบบ PVC หากต้องการความทนทานมากขึ้นจะเหมาะสมกับแบบ PU ส่วนรุ่นที่เป็นคอนเน็คเตอร์นั้น จะมีโครงสร้างหรือวัสดุเป็นแบบเดียวกับสาย เพียงแต่จะใช้คอนเน็คเตอร์ ขนาด M8 หรือ M12 ในการต่อเข้ากับเซ็นเซอร์แทน เพื่อให้เกิดความสะดวกในการติดตั้งและการบำรุงรักษา
แหล่งจ่ายไฟ Power Supply ปัจจัยที่มองข้ามไม่ได้
สำหรับการเลือกใช้งาน แหล่งจ่ายไฟเลี้ยง สำหรับเซนเซอร์นั้นขึ้นอยู่กับหน้างานและตัวควบคุมที่รับสัญญาณจากเซนเซอร์ ยกตัวอย่างเช่น อุปกรณ์ คอนโทรลเลอร์ในกลุ่มของ PLC, Counter, Timer, Pulse Meter จะใช้แหล่งจ่ายไฟชนิด DC 10-30V ซึ่งมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานมากกว่า แต่ถ้าโหลดเป็นอุปกรณ์ที่เป็น AC เช่น Coil AC 220VAC ก็สามารถใช้เซนเซอร์ที่ใช้แหล่งจ่ายไฟแบบ AC 220V ได้ เช่นกัน แต่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะในการต่อสายให้ถูกต้อง
สัญญาณเอาท์พุต NPN หรือ PNP เลืองใช้อย่างไร?
หลายครั้งมักมีคำถามว่า ควรจะใช้เซนเซอร์ที่มีสัญญาณเอาท์พุตเป็น แบบ NPN หรือ PNP และในบางครั้งก็จะมีผู้ใช้งานบางส่วนเรียกว่า common – หรือ common + ซึ่งโดยแท้จริง แล้ว NPN นั้นก็คือ common – และ PNP นั้นก็คือ common + ดังนั้นในการเลือกใช้เราจะพิจารณาจากวงจรที่นำไปใช้ว่ามี Common เป็นแบบใด

รูปที่ 1 วงจร NPN และ PNP ของ Proximity Sensor แบบคอนเน็คเตอร์และแบบมีสาย
Switching Function NO หรือ NC เหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
Switching Function NO หรือ NC ในบ้างครั้งจะเรียกว่า ปกติเปิด (NO) หรือ ปกติปิด (NC) โดยการเลือกใช้งานในส่วนนี้ จะขึ้นอยู่กับ ฟังก์ชั่นการทำงานของตัวเซนเซอร์ โดยในกรณีที่เป็นการต่อตัวเซ็นเซอร์ในวงจร ที่เป็นการตัดการทำงาน หรือ ส่วนของการป้องกัน จะนิยมใช้แบบ Normally Close (NC) หรือ ปกติปิด แต่ถ้าเป็นวงจรทริกเกอร์ทั่วไป เช่น การเริ่มวงจร การนับจำนวน ก็จะนิยมใช้งานเป็น แบบ Normally Open (NO) หรือ ปกติเปิด นอกจากนี้ในเซ็นเซอร์บางรุ่น อาจมีทั้งสองวงจรภายในตัวเดียวกันซึ่งจะขึ้นอยู่กับลักษณะของการต่อสาย

รูปที่ 2 วงจร NO และ NC ของ Proximity Sensor แบบคอนเน็คเตอร์และแบบมีสาย
IP Rating คืออะไร?
คือมาตรฐานที่บ่งชี้ถึงระดับการป้องกันน้ำและฝุ่นของเซนเซอร์โดยปกติจะมีค่า IP67 อยู่แล้ว ซึ่งเป็นค่าความทนต่อน้ำและฝุ่นสำหรับการใช้งานในแบบปกติได้ แต่สำหรับงานที่ต้องการใช้เซนเซอร์ในสภาวะแวดล้อมที่เลวร้าย ก็จะมีเซ็นเซอร์รุ่นพิเศษที่มีค่า IP สูงขึ้นมา เช่น IP68K โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ IP Rating
การเลือกใช้ Capacitive Proximity Sensor นั้น จำเป็นต้องทราบถึงข้อมูลพื้นฐานไม่ว่าจะเป็น ชนิดของเซ็นเซอร์ ว่าถูกออกแบบมาเพื่องานประเภทใด? เหมาะกับการติดตั้งในสภาพแวดล้อมแบบไหน? และประเภทของวัตถุที่ตรวจจับนั้นคืออะไร?หลังจากได้ศึกษาถึงวิธีการเลือกใช้เซ็นเซอร์ชนิดนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางเราหวังว่าท่านผู้อ่านจะมีข้อมูลเพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจเลือกใช้ได้อย่างถูกต้อง และตรงกับลักษณะงานที่ต้องการมากขึ้นนะครับ
หากคุณสนใจสินค้า สามารถเข้าไป ดูและเลือกซื้อ Inductive Proximity Sensor เซ็นเซอร์ตรวจจับโลหะ และดูและเลือกซื้อ Capacitive Proximity Sensor คาปาซิทีฟ พร็อกซิมิตี้ เซ็นเซอร์ ได้ที่หน้าเว็บออนไลน์ของเรา มีสินค้าหากหลายรุ่น จากแบรนด์ดังให้เลือกมากมาย ถ้าคุณมีข้อสงสัยหรืออยากสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า สามารถแชทมาหาเราได้ทันทีจากช่องแชทด้านล่างขวามือ หรือส่งเมลล์มาที่ [email protected] หรือผ่าน Line ที่ @factomart และเบอร์โทร 021-050-567 ได้หลากหลายช่องทาง มีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำตลอดเวลาทำการ
ดาวน์โหลดคู่มือ Proximity Sensor พร้อกซิมิตี้ เซ็นเซอร์
ข้อมูลเกี่ยวกับ Proximity Sensor พร้อกซิมิตี้ เซ็นเซอร์ ทั้ง 2 ประเภทคือ Inductive Proximity Sensor เซ็นเซอร์ตรวจจับโลหะ และ Capacitive Proximity Sensor คาปาซิทีฟ พร็อกซิมิตี้ เซ็นเซอร์ ไม่ว่าจะข้อมูลประเภท การเลือก การติดตั้ง ตลอดจนการใช้งาน รวบรวมไว้ในรูปแบบเอกสารให้คุณดาวน์โหลดฟรี
แคตตาล็อกและราคา Price list ของ Proximity Sensor พร้อกซิมิตี้ เซ็นเซอร์
แคตตาล็อกและราคา Price list สินค้ากลุ่ม Proximity Sensor พร้อกซิมิตี้ เซ็นเซอร์ ทั้ง 2 ประเภทคือ Inductive Proximity Sensor เซ็นเซอร์ตรวจจับโลหะ และ Capacitive Proximity Sensor คาปาซิทีฟ พร็อกซิมิตี้ เซ็นเซอร์ หลากหลายรุ่น หลายแบรนด์ Autonics, Balluff และ SICK ที่ครบถ้วน พร้อมเอกสารให้ดาวน์โหลดฟรี